การรับขึ้นไป

... ที่ยูม่า ช่างเป็นสิทธิพิเศษยิ่งนักที่ได้รับคำเชิญนี้เพื่อจะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง พวกเรามีเวลาอันยอดเยี่ยมครั้งสุดท้ายที่นี่และจากนั้นเมื่อผมได้รับทราบว่าผมได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง มันทำให้ผมรู้สึกดีจริงๆ ที่จะฟังคำพยานต่างๆ ถ้อยคำอันดีเหล่านี้จากคนทั้งหลาย มันเหมือนกับได้ช่วยเพิ่มกำลังของคุณขึ้นมาบ้าง  

บิลลี่บอกผมว่า พี่น้องชายคนนั้น จากเมืองลาส เวกัส อยากจะประชุมที่นั่นที่คณะผู้รับใช้ ขอให้พบเขาโดยทันทีทันใดหลังจากเสร็จการประชุมที่นี่ พวกเรามีเวลา เขาบอกว่าพวกเราอาจจะเลื่อนไปในเดือนมกราคมก่อนการประชุมที่เมืองฟินิกซ์ (เห็นไหมครับ?) ที่จะมาถึงเมืองลาส เวกัส และเพื่อให้พวกเราอยากจะไปที่นั่นได้เสมอ ผมเชื่อว่า บราเดอร์อาร์ต วิลสัน เคยอยู่ที่นั่นนานมาแล้ว หรือเขาอาจจะยังคงอยู่ที่นั่น เขาได้เชิญผมขึ้นมา เขาและซิสเตอร์วิลสัน ผมมิได้ตอบรับโอกาสนั้น ดังนั้นบางทีครั้งนี้อาจจะเป็นเวลาที่ผมอาจจะมาได้

พวกคุณเห็น บิลลี่ พอล หรือ บราเดอร์รอย บอร์เดอร์ส ไหมครับ-ผมคิดว่าเขาอยู่ที่นี่ที่ไหนสักแห่ง บางคนบอกว่า บราเดอร์รอยอยู่ใน ... บราเดอร์เพียร์รี่, ลี หรือคนไหนของพวกเขา พวกเขาอาจจะบอกพวกคุณได้และกำหนดวันเวลาสำหรับพวกเราที่จะมาได้

ทีนี้ผมได้พบพันธกรมากมายหลายคนที่นี่สักครู่หนึ่งที่ผ่านมาซึ่งผมรู้สึกมีความสุขมากที่ได้พบพี่น้องของผม หวังว่าผมจะมีเวลา ... ไปบ้านกับพวกคุณ เพราะว่าผมรู้ว่าพวกคุณมีการปรุงอาหารที่ดีที่สุดที่นั่นในชนบทนั้น ไม่เป็นไรครับ

บราเดอร์เพียร์รี่ มีสองคืนจริงๆ กับเขา เขามีสองข้อที่ต่อต้านเขาขณะนี้: หนึ่งข้อของสิ่งเหล่านั้นคือ การตัดไมโครโฟนนั้นในที่ข้างนอกนั่น คุณมีความผิดกับสิ่งนั้น บราเดอร์เพียร์รี่ ผมไม่คิดว่าคุณมีความผิดจริงๆ แต่คุณ... "คนบางคนกำลังแก้ไขที่จะพูด" นั่นเป็นสิ่งที่ดี

และแล้วจากนั้น อีกครั้งหนึ่งเขาได้ออกไปที่นั่นและได้สนทนา เขากล่าวว่า "พูด...." เขากำลังบอกบราเดอร์คอลลินหรือคนบางคนของพวกเขา กล่าวว่า "อาหารว่างนั้นดี แต่" กล่าวว่า "ผมกำลังบอกคุณ" เขากล่าวว่า "ผู้ชายคนนั้นต้องเป็นชาวสเปน หรือชาวอะไรบางอย่าง หรือชาวเม็กซิกัน นั่นเป็นพริกที่เผ็ดที่สุดที่ผมเคยได้ลิ้มรสมา" เกิดขึ้นต่อไปเหมือนอย่างนั้น! และเขาได้สนทนากับพ่อครัว

เขากล่าวว่า "ผมเป็นพ่อครัว" 

นั่นเป็นเท็กซัสสำหรับคุณ พวกเราจะพาเขาตรงออกมายังที่นี่ในรัฐแอริโซน่าหลังจากขณะที่พวกเราจะไม่อยู่ถ้าเขาอยู่รอบๆ นานมาก?  

ดีจริงๆ ที่อยู่ที่นี่ครับ และผมคาดว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ฟังเหมือนเรื่องตลก แต่เป็นความรู้สึกของอารมณ์ขัน ซึ่งพระเจ้าพระองค์เองทรงมีอารมณ์ขัน คุณทราบไหมครับ พระองค์ได้ทรงกล่าวว่า ... เฮโรด "จงไปบอกหมาจิ้งจอกตัวนั้น ... [เห็นไหมครับ?] วันนี้เราขับ‍ผีและวัน‍พรุ่ง‍นี้เราทำให้สมบูรณ์" ดังนั้นถ้าหากพระองค์ทรงมีอารมณ์ขันแล้ว เหตุฉะนั้นผมไม่คิดว่ามันจะไม่ทำให้พวกเราเจ็บ นานๆ สักครั้งหนึ่ง"  

และตอนนี้มันก็สายไปบ้าง และโดยปกติผมเทศนาประมาณสี่ชั่วโมง ดังนั้นการรู้มารยาทของพี่น้องชายและหญิงที่นี่ของคณะพันธกร พวกเราจะตัดทางนั้นลงในคืนนี้ ใช่ครับ ผมบอกเทอร์รี่ ผมบอกว่า... เขาถามว่า "อะไร ... อัดเทปสองชั่วโมงหรือครับ?"

ผมบอกว่า "ไม่ใช่ เทอร์รี่ นี่เป็นการจัดเลี้ยง" ผมบอกว่า "แค่ประมาณสามสิบ, สี่สิบนาที พูดคุยกับคนทั้งหลายในบางสิ่งบางอย่างที่ ... ผมจะพยายามทำอย่างนั้นแต่ละครั้ง ด้วยรู้ว่า...."

เมื่อผมเป็นเด็กหนุ่ม คนทั้งหลายได้เคยออกมาฟังเพราะเห็นว่าผมเป็นนักเทศน์หนุ่ม เพียงแค่เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง และพวกเขาบอกว่า "ดีล่ะ บิลลี่ บรานฮาม...." พวกคุณรู้ไหมครับ เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่ไม่เคยได้ไปโรงเรียนและไม่มีการศึกษา พวกเขาอาจจะออกมาเพื่อฟังถ้อยคำแปร่งๆ ของผม ภาษาอังกฤษรัฐเคนตั๊กกี้ของผม และดังนั้น ... สำเนียงของผมและมันมิได้เป็นที่น่ายกย่องและถือสาได้ เหมือนครั้งหนึ่งในการประชุมที่นี่ไม่นานที่ผ่านมาพวกเขากล่าวว่า "พวกเราทุกคนจะลุกขึ้นยืนและร้องเพลงชาติ"

ผมได้ลุกขึ้นและกล่าวว่า "เพื่อบ้านเก่ารัฐเคนตั๊กกี้ของผมที่อยู่ห่างไกล" นั่นเป็นประเทศเดียวเพียงเท่านั้นที่ผมรู้จัก มันเป็นเพลงชาติเท่าที่ผมได้รู้จัก

ดังนั้นตอนนี้หลังจากที่คุณได้เติบโตขึ้น เหตุฉะนั้นคุณเข้ามาข้างใน พวกคุณต้องมีบางสิ่งบางอย่างมากกว่านั้น คุณเห็นไหมครับว่า อ. เปาโล ได้กล่าวว่า "เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าพูดเหมือนกับเด็กและคิดเหมือนกับเด็ก" คุณทำตัวเหมือนกับเด็ก แต่เมื่อคุณได้เติบโตขึ้นจากนั้นคุณเริ่มจากการย่างเท้าก้าวแรกสองสามก้าวและเดินเตาะแตะและล้มลง และลุกขึ้นและลองอีกครั้งหนึ่ง และจากนั้นคุณ ... หลังจากขณะที่คุณทำอย่างนั้นแล้วคุณสามารถเดินเป็นเส้นตรงได้ และนั่นคือสิ่งที่พวกเราต้องทำในฐานะเหล่าทหารของไม้กางเขน ตอนนี้มันเป็นเวลาที่จะเดินแถวตรงลงที่ทางด่วนนั้นไปยังพระสิริ

ผมเชื่อว่าพวกเรากำลังมีชีวิตอยู่ในฉากปิดของประวัติศาสตร์โลกนี้ ผมเชื่อจริงๆ ว่า การเสด็จมาของพระเยซูคริสต์เจ้าใกล้เข้ามามากอาจจะมากกว่าที่พวกเราคิด ดังนั้นตอนนี้แค่ประมาณสามสิบนาทีของพวกคุณหรือบางสิ่งบางอย่าง ผมอยากจะเรียกร้องความสนใจของพวกคุณเพื่อข้อพระคัมภีร์ที่ผมจะใช้สำหรับข้อความและอ้างถึงอีกบ้างที่นี่ ตอนที่กำลังนั่งอยู่ที่บ้านเมื่อวันก่อนผมก็กำลังคิดเกี่ยวกับความคิดนี้ จากนั้นผมคิดว่า "ดีล่ะ ผมไม่รู้ การเทศนาจากข้อพระคัมภีร์นี้ทั้งหมด ผมจะแค่ใช้ส่วนหนึ่งของข้อพระคัมภีร์และแค่... สำหรับการประชุมย่อยสั้นๆ เหล่านี้ เหมือนที่พวกเราจะมีคืนนี้ ผมอยากจะพูดสิ่งหนึ่งขณะที่พวกคุณกำลังเปิดไปที่พระธรรมสดุดี บทที่ 1 ... พระธรรมสดุดี บทที่ 27 ผมอยากจะอ่านห้าข้อแรก

อยากจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้เกี่ยวกับพวกพันธกรนักธุรกิจพระกิตติคุณสมบูณ์ (ฟูล ก็อด สเปล) นี้ บราเดอร์เพียร์รี่ของผมกำลังเทศนาเกี่ยวกับหนังสือทั้งหลายและอื่นๆ และพวกหนังสือใหม่ๆ ที่พวกเขามี มีกี่คนที่จำได้เมื่อผมมีเทปนี้และได้เทศนาเรื่องนี้ที่นี่ที่เมืองฟินิกซ์ ที่หอประชุมแห่งหนึ่ง "พวกท่านครับ มันเป็นเวลาเท่าไหร่?" ตอนนี้นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนั้น (พวกคุณเห็นไหมครับ?) เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น

มีการพิสูจน์เหนือธรรมชาติของพระวจนะของพระเจ้าที่จารึกไว้ของเวลานี้สำหรับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ควรเข้าใกล้พวกเราตอนนี้อย่างมากมายเหลือเกินว่าจริง พวกเราเพียงแค่ ... มันเป็นจริงอย่างมากเหลือเกิน เห็นไหมครับ สิ่งต่างๆ ที่พวกคุณ.... มันอาจจะเป็นที่น่าประหลาดใจสำหรับพวกคุณเพียงเพื่อให้พวกคุณรู้ได้ว่า... กำลังเกิดอะไรขึ้นจริงๆ พวกคุณหลายคนอาจจะเป็นพวกคนแปลกหน้าที่ได้ยินว่าคนเหล่านี้ลุกขึ้นและให้ข้อสังเกตเหล่านี้เกี่ยวกับคำเทศนาของเวลานี้และอื่นๆ สิ่งที่พวกเขากำลังจะได้รับคือ พระสัญญาของพระเจ้า ณ เวลานี้ ซึ่งพระองค์ได้ทรงสัญญาถึงสิ่งที่พระองค์จะทรงกระทำ และพวกเราเห็นการพิสูจน์พระองค์ว่าจริงอย่างแน่นอนด้วยข้อพระคัมภีร์สิ่งที่พระองค์ได้ทรงกล่าวว่าพระองค์จะทรงกระทำในลักษณะเดียวกัน คำทำนายที่แม่นยำตรงกันอย่างแน่นอนสมบูรณ์แบบในแต่ละครั้งเพราะพระเจ้าทรงกำลังกล่าวถึงมัน

ถ้าหากคนๆ หนึ่ง ผมไม่สนใจว่าเขาคือใคร อาจจะพยายามทำการทำนายดังกล่าว... มีโอกาสเดียวจากสิบล้านถ้าหากคนๆ หนึ่งได้บอกคุณถึงสิ่งหนึ่งที่มั่นใจว่าจะเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นที่เวลาที่แน่นอนหนึ่งในสิบล้าน และจากนั้นสถานที่ซึ่งมันจะเกิดขึ้นอาจจะเกี่ยวกับโอกาสหนึ่งในหนึ่งร้อยล้าน และจากนั้นเวลาที่มันจะเกิดขึ้นนั้นดำเนินต่อไปและต่อไป และวิธีที่มันจะเกิดขึ้นและสิ่งที่จะเกิดขึ้นและอื่นๆ มันเป็นเพียงแค่เหนือการคาดเดา เมื่อพวกเราเห็นมันแต่ละครั้งและทุกครั้งอย่างสมบูรณ์แบบมาก ดังนั้นนั่นเป็นมาจากพระเจ้า จากนั้นพวกเราหันตรงกลับมาในข้อพระคัมภีร์ทั้งหลาย-มันอาจจะดูเหมือนเป็นคนต่างชาติสำหรับพวกเรา แต่พวกเราหันตรงกลับมาในข้อพระคัมภีร์ทั้งหลายโดยมิได้แม้แต่รู้ว่าจะมองที่ไหน และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำออกมาและทรงใส่พระวจนะทั้งหมดรวมเข้าด้วยกัน สร้างภาพหนึ่งที่นั่นที่จะแสดงให้พวกเราเห็นเวลาที่พวกเรากำลังมีชีวิตอยู่ พวกเรากำลังเปลี่ยนแปลงเวลาที่กำหนดทั้งหลาย

พวกเราอยู่ที่มุมๆ หนึ่ง มันเป็นเรื่องง่ายเมื่อคนบางคนเปลี่ยนมุม-ของอิฐบล็อก-เปลี่ยนมุมและเริ่ม.... ทุกคนวางพวกก้อนอิฐตรงลงมาในแถวเดียวกัน เหมือนนิกายบางนิกายเริ่มและเริ่มกลิ้งลงมาในแถว ไม่เป็นไรครับ แต่เมื่อคุณไปถึงครั้งของพวกเขาที่ซึ่งคุณจะต้องหันหลังกลับไปอีกทางหนึ่ง.... ตอนนี้พระเจ้ามิได้ทรงกำลังสร้างกำแพง พระเจ้าทรงกำลังสร้างพระนิเวศน์ เห็นไหมครับ? และมีหลายตัดและเลี้ยวที่พระองค์ได้ทรงทำนายไว้ที่นี่ในพระคัมภีร์ไบเบิล และมันเป็นหลายเลี้ยว.... ทุกคนอาจจะพยายามที่จะเลี้ยว แต่มันต้องเป็นไปตามพิมพ์เขียวนั้น ถ้ามันไม่ใช่ มันจะต้องถูกรื้อลงอีกครั้งหนึ่ง

ดังนั้นพวกเราจึงสรรเสริญพระเจ้าสำหรับความดีของพระองค์และการสามัคคีธรรมของพวกคุณคนทั้งหลาย และประตูต่างๆ ที่เปิดออกซึ่งพระเจ้าได้ประทานให้แก่พวกเรา และผ่านกลุ่มนักธุรกิจนี้.... ผมมักจะเกี่ยงเสมอว่าผมไม่เชื่อใน.... ผมเชื่อในพวกคนในนิกายต่างๆ แต่ผมไม่ได้มีเวลามากนักที่จะเตือนสตินิกายทั้งหลาย เพราะแต่ละนิกายสร้างรั้วรอบตัวของพวกเขา และ....

และมันเป็นเหมือนกันถ้าหาก.... ผมเชื่อว่าเขาเป็นลูกของบราเดอร์เดวิดที่กำลังพูด เกี่ยวกับการเลี้ยงเป็ดบางตัวของเขา และบอกว่าแม่น้ำขึ้นมาและเป็ดแต่ละตัว คุณรู้ไหมครับ พวกเขาอยากจะสามัคคีธรรมด้วยกันและกันและพวกเขามิอาจจะกระทำมันได้เพราะพวกเขาทุกคนได้ล้อมรั้วขึ้นมา แต่เมื่อน้ำได้สูงขึ้นมาก มันก็ทำให้พวกเป็ดลอยออกมาจากเล้า ดังนั้นผมคิดว่านั่นเป็นวิธีที่จะกระทำมันเป็นเพียงแค่... น้ำกำลังขึ้นมา (คุณเห็นไหมครับ?) และพวกเราอาจจะออกจากเล้าและสามัคคีธรรมด้วยกันได้ คุณรู้ไหมครับว่า มีความรักที่แท้จริงของพระคริสต์ในใจของพวกเรา

และกลุ่มนักธุรกิจพระกิตติคุณสมบูรณ์ (ฟูล ก็อดสเปล) นี้เป็นแหล่งน้ำกลางทะเลทรายสำหรับผม เพราะหลายครั้งที่ผมมีพวกพี่น้องชาย พวกพี่น้องชายที่ดี ผมคาดว่าในนิกายทุกนิกายที่ผมเคยพบ เพรสไบทีเรียน, ลูเทอแรน, แบ๊บติสต์, เพ็นเทคอสท์ ทุกนิกายที่แตกต่างกันของเพ็นเทคอสท์, เชิร์ช อ๊อฟ ก็อด, นาซารีน, และพิลกริม โฮลี่เนส ... แต่หลายครั้งที่พวกเขาไม่อาจจะมีผมในที่ประชุมของพวกเขาได้ เพราะ... เห็นไหมครับ? มิใช่ว่าพวกเขาไม่เชื่อมัน แต่ดูเถิดครับ มันจะตัดพวกเขาออกจากนิกายของพวกเขา และเมื่อพวกคุณทำอย่างนั้น จึงทำให้เป็นอย่างนั้น

ที่นี่ไม่นานที่ผ่านมามีพี่น้องชายเมธอดิสท์คนหนึ่งมาหาผม ผมจะไม่เอ่ยชื่อของเขา เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง เขากำลังเขียนวิทยานิพนธ์เรื่อง การเยียวยารักษาโรคของพระเจ้า และเขามาหาผมเพื่อการเจรจาบางอย่าง พวกเราได้นั่งลงและพูดคุยกันสักครู่หนึ่ง และเขาบอกว่า "สิ่งเดียวที่พวกเราต่อต้านท่านคือ ท่านอยู่แถวๆ พวกเพ็นเทคอสท์ตลอดเวลา”

ผมกล่าวว่า "ดังนั้นให้คริสตจักรเมธอดิสท์สนับสนุน ผมจะมา"

นั่นแตกต่างกัน เห็นไหมครับ? เขาบอกว่า "ดีล่ะครับ ผมไม่ใช่คริสตจักรเมธอดิสท์อย่างแน่นอน ผมเป็นเพียงแค่สมาชิกของพวกเขา"

ผมกล่าวว่า "นั่นแหล่ะครับ!" เห็นไหมครับ? "พวกเขาเป็นพวกนั้น เพ็นเทคอสท์เป็นพวกนั้นที่เปิดประตูของพวกเขา" เห็นไหมครับ? "นั่นเป็นพวกที่ผมสามารถเข้าไปได้" และตราบที่พวกเขาหลายคนที่จะเปิด เพราะฉะนั้นพวกเราจึงพร้อมที่จะเข้าไปข้างใน เช่นเดียวกับในพระธรรมวิวรณ์ บทที่ 3 พระองค์ตรัสว่า "เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าใครได้‍ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปหาเขาและจะรับ‍ประ‌ทานอาหาร" และนั่นคือ พระเยซู พวกเราทุกคนรู้ว่าผู้นั้นทรงเป็นพระคริสต์ และพระองค์ทรงเป็นพระวจนะ นั่นถูกต้องครับ! พระองค์ทรงเป็นพระวจนะ

และดังนั้นกลุ่มนักธุรกิจพระกิตติคุณสมบูรณ์ (ฟูล ก็อดสเปล) จึงเป็นแหล่งน้ำกลางทะเลทรายที่ซึ่งพวกเราสามารถมารวมกันได้ ไม่มีคริสตจักรใดเป็นผู้สนับสนุนมัน พวกเขามารวมเข้าด้วยกัน พวกผู้ชายที่ออกมาจากคริสตจักรต่างๆ และพวกเรามารวมเข้าด้วยกันในการสามัคคีธรรมทั่วโลกรอบๆ ทุกหนแห่ง

และผมได้ช่วยก่อตั้งคณะพันธกิจหลายแห่งทั่วทั้งโลกของกลุ่มนักธุรกิจพระกิตติคุณสมบูรณ์ (ฟูล ก็อดสเปล) ผมรู้สึกขอบคุณสำหรับโอกาสที่ผมได้รับ ในที่นั่นกลุ่มนักธุรกิจจะสนับสนุนมัน และจากนั้นอย่างไรก็ตามคริสตจักรทั้งหมดพวกเขาอยากจะมา แต่กระนั้นแล้วผมไม่เคยจะพยายามดึงคนบางคนออกจากคริสตจักรของพวกเขาเลย ให้อยู่ในคริสตจักรของคุณและฉายแสงออกมา เห็นไหมครับ? จงเป็นคริสเตียนแท้ ศิษยาภิบาลของคุณจะขอบคุณคุณ ธรรมิกชนแท้ผู้ภักดีจริงๆ ทุกคนที่เชื่อในพระเจ้าจะรู้สึกขอบคุณคนเช่นนั้น ใช่ครับ!

ตอนนี้ผมขอขอบคุณพี่น้องชายที่นี่และภรรยาของเขาและคณะพันธกิจนี้สำหรับโอกาสนี้ และขอให้คณะพันธกิจนี้เติบโต ขอพระพรทั้งหลายของพระเจ้าอยู่เหนือพันธกิจนี้ และเป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระเจ้าที่จะช่วยหลายร้อยและหลายร้อยคนให้ได้รับความรอดก่อนการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์เจ้า และคณะพันธกิจส่วนที่เหลือทั้งหมดของพวกคุณ-หรือตัวแทนทั้งหลายที่นี่จากคณะพันธกิจต่างๆ

ในหนังสือพระธรรมสดุดี.... ตอนนี้ผมอยากจะเทศนาเรื่องที่แปลกจริงๆ คืนนี้สักครู่หนึ่ง ผมมีข้อพระคัมภีร์บางข้อที่จดลงมาไว้ที่นี่ และผมคิดว่าบางที.... คืนนี้ผมจะเทศนาในบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่าง แต่ดูเวลาที่เดินไป เพราะฉะนั้นผมจึงไม่อยากจะอยู่นานเท่าไหร่ ดังนั้นผมแค่เปิดไปที่นี่และได้ข้อพระคัมภีร์มากขึ้น และผมอยากจะเทศนาเรื่อง "การรับขึ้นไป" เห็นไหมครับ?

ทีนี้พวกเราเชื่อว่าจะมีการรับขึ้นไป คริสเตียนทุกคนเชื่อเรื่องนั้น นั่นคือพวกผู้อ่านพระคัมภีร์ไบเบิลเชื่อว่าจะมีการรับขึ้นไป

และตอนนี้จะอ่านสำหรับ ... มันเป็นภูมิหลัง พวกเราอ่านพระธรรมสดุดี บทที่ 25 ผมขออภัยครับ พระธรรมสดุดี บทที่ 27 ข้อที่ 1-5

พระ‍ยาห์‌เวห์ทรงเป็นความสว่างและความรอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกลัวผู้‍ใดเล่า? พระ‍ยาห์‌เวห์ทรงเป็นที่กำ‌บังอันแข็ง‍แกร่งแห่งชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะเกรงผู้‍ใดเล่า?  

เมื่อพวกคนชั่วมา‍หาข้าพเจ้า เพื่อจะกินเนื้อข้าพเจ้า คือบรร‌ดาคู่‍อริและศัตรูของข้าพเจ้า พวก‍เขาจะสะดุดและล้ม‍ลง

แม้กอง‍ทัพตั้ง‍ค่ายสู้ข้าพเจ้า ใจข้าพเจ้าจะไม่กลัว แม้สง‌ครามถา‌โถมใส่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายังวาง‍ใจพระ‍เจ้าอยู่

ข้าพเจ้าทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระ‍ยาห์‌เวห์ ซึ่งข้าพเจ้าจะเสาะแสวง‍หา คือที่ข้าพเจ้าจะได้อยู่ในพระ‍นิ‌เวศของพระ‍ยาห์‌เวห์ ตลอด‍วัน‍คืนแห่งชีวิตของข้าพเจ้า เพื่อจะดูความงามของพระ‍ยาห์‌เวห์ และเพื่อจะพินิจพิจาร‌ณาอยู่ในพระ‍วิหารของพระ‍องค์

เพราะพระ‍องค์จะทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในที่‍ประ‌ทับของพระ‍องค์ ในยามยาก‍ลำ‌บาก พระ‍องค์จะทรงกำ‌บังข้าพเจ้าไว้ในที่‍กำ‌บังแห่งพลับ‌พลาของพระ‍องค์ พระ‍องค์จะทรงตั้งข้าพเจ้า ... ไว้สูงบนศิลา

ขอพระเจ้าทรงเพิ่มเติมพระพรทั้งหลายของพระองค์ในการอ่านพระวจนะของพระองค์      

ทีนี้วันนี้การเทศนาเรื่องนี้.... และตอนนี้พวกคุณบางคนอาจจะแตกต่าง หนทางทั้งหลายที่ผมใช้ นอกจากนั้นมีกี่คนที่นี่ที่เชื่อว่าพระคัมภีร์ไบเบิลสอนว่าจะมีการรับขึ้นไปของคริสตจักร? ใช่ครับท่าน! นั่นถูกต้องครับ! การรับขึ้นไปของคริสตจักร ไม่ว่าคุณจะเป็นเมธอดิสท์, แบ๊บติสต์, เพรสไบทีเรียน หรือคุณจะเป็นใครก็ตาม เพ็นเทคอสท์ จะมีการรับขึ้นไป

และผมคิดว่าในการเทศนาผมไม่ได้พยายามจะขึ้นมาที่นี่เพื่อเทศนาบางสิ่งบางอย่างที่ผมคิดว่าจะทำให้คนทั้งหลายชื่นชอบ ผมไม่เคยต้องรู้สึกผิดจากสิ่งนั้น ผมอยากจะขึ้นมาที่นี่และเทศนาบางสิ่งบางอย่างที่ผมรู้สึกว่าจะนำไปสู่การเทศนาเรื่องนั้นซึ่งผมคิดว่าจะช่วยคุณได้ บางสิ่งบางอย่างที่จะส่งเสริมประสบการณ์ของคุณกับพระเจ้าถ้าหากคุณเป็นคริสเตียน และถ้าหากคุณไม่ได้เป็นคริสเตียนก็จะทำให้คุณละอายใจตัวของคุณมากเพื่อคุณจะกลายเป็นคริสเตียน และนั่นคือจุดประสงค์ที่ผมได้พยายามที่จะเรียบเรียงความคิดของผมเสมอมาตามที่พระเจ้าจะทรงนำผม

ตอนนี้พวกเราได้รับคำเตือนถึงหลักคำสอนของเรื่องนี้ว่า ในยุคสุดท้ายพวกเราจะได้รับการดูหมิ่น ถ้าหากพวกคุณ ... ให้พวกเราอ่านสักหนึ่งนาที อยู่ในพระธรรม 2 เปโตร บทที่ 3 ให้พวกเราอ่านบทนี้สักครู่หนึ่ง บทที่ 3 และข้อที่ 3 และข้อที่ 4 ให้พวกเราดูว่าถ้าหากเรื่องนี้ไม่ใช่

ก่อนอื่นพึงรู้ข้อนี้คือ ในวาระ‍สุด‍ท้ายพวกที่ชอบเยาะ‍เย้ยจะมาเยาะ‍เย้ย และทำตามตัณ‌หาของตน‍เอง

และจะถามว่า “พระ‍สัญญาว่าพระ‍องค์จะเสด็จมานั้นอยู่ที่‍ไหน? เพราะ‍ว่าตั้ง‍แต่บรรพ‌บุรุษล่วง‍หลับไปแล้ว ทุก‍สิ่งก็เป็นอยู่เหมือนเดิมตั้ง‍แต่ทรงสร้างโลก”

เพราะ‍ว่าพวก‍เขาจง‍ใจลืมข้อนี้เสีย คือโดยพระ‍วจนะของพระ‍เจ้า ฟ้าได้อุบัติขึ้นตั้ง‍แต่โบ‌ราณ และแผ่น‍ดินได้เกิดออกมาจากน้ำและด้วยน้ำ

โดยน้ำนั้นเอง โลกในเวลานั้นก็ได้ถูกทำ‍ลายไปด้วยน้ำ‍ท่วม

ตอนนี้พวกเราเห็นว่าเหตุผลที่เรื่องนี้จะกระจ่างขึ้นมากเพราะว่า ผู้เผยพระวจนะที่นี่ได้กล่าวว่าในยุคสุดท้ายนี้คนมักเยาะเย้ยเหล่านี้จะมาพูดสิ่งเหล่านี้ เห็นไหมครับ? มันได้ถูกทำนายไว้ เหตุผลที่คนทั้งหลายจะทำหน้าที่ในวันนี้วิธีการที่พวกเขากำลังปฏิบัติหน้าที่ ... เพราะเหตุฉะนั้นพวกคุณจะคาดหวังมันอย่างแน่นอนเพราะพระคัมภีร์ไบเบิลได้กล่าวไว้ว่า "ในวาระ‍สุด‍ท้ายนั้นผู้คนจะเห็น‍แก่‍ตัว หยิ่ง‍ยโส รักความสนุกมากกว่ารักพระ‍เจ้า ยึด‍ถือทางพระ‍เจ้าแต่เพียงเปลือก‍นอก แต่ปฏิ‌เสธฤทธิ์‍เดชของทางนั้น จงอย่าเกี่ยว‍ข้องกับคนพวกนั้น" พวกเราอาจจะมองหาการเลียนแบบความจริงหรือ? แน่นอนครับ!

เมื่อโมเสสได้ลงไปอียิปต์เพื่อส่งมอบพวกคนอิสราเอลด้วยไม้เท้าเพียงอันเดียวในมือของเขาเพื่อการพิสูจน์ให้เห็นว่าจริง โดยพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ผู้ทรงอยู่เบื้องหลังเขา เขาได้แสดงการอัศจรรย์ มีผู้ลอกเลียนแบบอยู่ข้างหลังเขาทำในสิ่งเดียวกันกับที่เขาได้ทำแล้ว เห็นไหมครับ? ตอนนี้พวกเขามาครั้งที่สองหลังจากที่เขาได้ทำมันเป็นครั้งแรก จากนั้นพวกเขาก็มารอบๆ เพราะพวกเขากำลังคัดลอกตามสิ่งที่เขาได้ทำแล้ว การลอกเลียนแบบต้นฉบับ พวกเราพบเรื่องนั้น และตอนนี้คุณบอกว่า "ดีล่ะ นั่นเป็นในยุคของโมเสส" แต่ข้อพระคัมภีร์เดียวกันกล่าวว่าพวกเขาจะกลับมาอีกครั้งหนึ่งในยุคสุดท้าย "ในฐานะยันเนสกับเยมเบรส์ ผู้ต่อต้านโมเสส ดังนั้นพวกคนเหล่านี้ที่มีจิตใจเลวทรามเกี่ยวกับความจริง" เห็นไหมครับ? การลอกเลียนแบบในทุกรูปแบบของสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้คนทั้งหลายอารมณ์เสีย

และจากนั้นถ้าหากการรับขึ้นไปนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้น ... และทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าทรงมีในแนวทางพระวจนะของพระองค์ มีบางสิ่งบางอย่างที่จะเกิดขึ้นทำให้พวกเขาอารมณ์เสียอยู่เสมอถ้าหากพวกมันสามารถทำได้ มันเป็นวัตถุประสงค์ของซาตานที่จะทำอย่างนั้น

ตามที่พี่น้องชายคนนั้นที่นี่จากที่ประชุมที่นั่น ณ เมืองลาส เวกัส กล่าวว่า "ซาตาน" กล่าวว่า "โลกนี้กลายเป็นการปกครองของมันและเป็นสำนักงานใหญ่ของมันตั้งอยู่ที่นั่น" ผมรู้ว่าซาตานเป็นพระของโลกนี้ ทุกประเทศทั่วใต้ฟ้าสวรรค์ถูกควบคุมโดยมัน แน่นอนครับ! โลกนี้เป็นของซาตาน แต่พระเยซูจะเสด็จมาครอบครองมัน วันหนึ่งมันได้เสนอโลกนี้ให้แด่พระองค์และพระองค์ทรงปฏิเสธมัน แต่กระนั้นพระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ เพราะว่าพระองค์ทรงรู้ว่าพระองค์จะทรงเป็นทายาทผู้รับมรดกในเวลาที่จะมาถึง

พวกผู้เยาะเย้ย ให้พวกเราใช้เวลาสักครู่หนึ่งในถ้อยคำหนึ่งถ้อยคำนั้นก่อนที่พวกเราจะไปต่อ พวกผู้เยาะเย้ย-ผมได้อ่านหนังสือพิมพ์ประมาณสองสัปดาห์ที่ผ่านมาในเมืองทูซอนว่า ชาวอังกฤษผู้หนึ่งจากประเทศอังกฤษได้ทำการกล่าวอ้างเรื่องหนึ่ง-มันอยู่ในการพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ว่า การถูกตรึงกางเขนของพระเยซูคริสต์เป็นแค่เรื่องจอมปลอมระหว่างปีลาตและพระเยซู ที่พระองค์เสด็จมาเพื่อจะทรงกระทำ ... เพียงเพื่อทรงกระทำให้พระองค์เป็นบางสิ่งบางอย่าง และไม่มีทางที่พวกเราจะสามารถหักล้างการพิสูจน์สิ่งนั้นแด่พระองค์ได้ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างของพระเจ้าเป็นการได้รับโดยความเชื่อ พวกเราต้องเชื่อ ตอนนี้เขาได้ล่วงหน้าไปเพื่อให้คำอธิบายว่าเรื่องนั้นถูกกระทำให้สำเร็จได้อย่างไร

ที่นี่ไม่นานที่ผ่านมาในชนชาติที่ยิ่งใหญ่ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษมากกว่าครับ สถานที่ซึ่ง จอห์น เวสเลย์ และ ชาร์ลส์ และเหล่านักเทศน์ยอดเยี่ยมหลายคนในยุคแรกๆ สเปอร์เจียนและพวกเขาได้เทศนาข่าวประเสริฐในตลาดเกษตรกรทั้งหลายและทุกหนแห่งที่นั่น พวกเขาได้ปฏิเสธคำเทศนานั้นในยุคของพวกเขาและดูสิ่งที่พวกเขาเป็นในยุคนี้ มีสถานที่ซึ่งบราเดอร์วิลเลียมส์และพวกเขาอยู่ในคืนนี้ มันเป็นหนึ่งในประเทศที่เสื่อมโทรมที่สุดในโลก ผมได้ไปมาทั่วโลก แต่กระนั้นผมมิรู้ได้ว่าอะไรที่ผิดกฎหมายในประเทศอังกฤษ บิลลี่ เกรแฮม ก็ได้กล่าวสิ่งเดียวกัน เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องพาภรรยาของเขาออกมาจากสวนสาธารณะทั้งหลาย การปฏิบัติตัวระหว่างพวกผู้ชายและผู้หญิงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเปิดเผยในสวนสาธารณะต่างๆ เมื่อผมอยู่ที่นั่นผมไม่เคยเห็นอะไรที่จะทำให้ใจของบุคคลคนนั้นสลายไปได้มากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษที่ซึ่งเคยมีโอกาสและครั้งหนึ่งที่เคยเป็นผู้นำของโลกในการปฏิรูปได้แสดงให้เห็นว่ามันสามารถตกต่ำได้เพียงไร

นอกจากนั้นคุณเห็นไหมครับว่าสิ่งนั้นคืออะไร คำเทศนาที่ได้เทศนาไปแล้วที่ชาวอังกฤษผู้นั้นพยายามที่จะยึดคำเทศนาเดียวกันสำหรับยุคนี้ นั่นจะไม่เกิดผลในยุคนี้ มันจะไม่เกิดผล

อย่างไร ...

เกิดอะไรขึ้นเล่าถ้าหากโมเสสจะมาและนำคำเทศนาของโนอาห์มาว่า "พวกเราจะสร้างเรือและลอยลงไปในแม่น้ำไนล์หรือ?" มันจะไม่เกิดผล และไม่ใช่ทั้งคำเทศนาพระเยซูจะเกิดผลโดยโมเสส และไม่ใช่ทั้งคำเทศนาของเวสเลย์ที่จะเกิดผลในลูเทอร์ หรือคำเทศนาของลูเทอร์หรือในทางกลับกัน และในยุคนี้การปฏิรูปครั้งสุดท้ายที่ดีที่สุดของพวกเราเป็นพวกเพ็นเทคอสท์ และยุคนี้พวกเรากำลังจะเคลื่อนออกจากที่นั่น และคำเทศนาของเพ็นเทคอสท์จะไม่ผสมปนเปกับเรื่องนี้ เพราะมันเป็นยุคอื่น มันเป็นพระวจนะทั้งหมดของพระเจ้า แต่กระนั้นมันกำลังสร้างอยู่ เช่นเดียวกับเท้า, แขน กำลังขึ้นมา กำลังปั้นเจ้าสาวของพระคริสต์เพื่อการรับขึ้นไป เห็นไหมครับ อย่าไล่พวกเขาคนทั้งหลายกลับไปที่นั่น พวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่กับคำเทศนาของพวกเขา พวกเขาทุกคนที่จะออกมานั้นคือผู้ที่อยู่ในเจ้าสาวของพระคริสต์ เหมือนกับชีวิตที่จะผ่านลำต้นของข้าวสาลี มันจากข้าวสาลีไป-เหมือนดั่งลำเรือ นอกจากนั้นข้าวสาลีก่อตัวของมันเองขึ้นมา เหมือนเมล็ดข้าวสาลีเมล็ดนั้นที่ตกลงในดิน

ที่นี่ไม่นานที่ผ่านมาผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่ชาวเยอรมันคนหนึ่งได้เขียนไว้ในการวิจารณ์ เขากล่าวว่า "จากพวกที่คลั่งไคล้ในโลกทั้งหมด วิลเลี่ยม บรานฮาม เป็นผู้นำในพวกเขาทั้งหมด" เขากล่าวว่า "เพราะว่า เขาไม่มีอะไรนอกจาก ... เขาเป็นนักมายากล เขาทำสิ่งเหล่านี้...." เห็นไหมครับ ชายผู้นั้นไม่รู้....

และจากนั้น ชายผู้นี้เป็นนักวิจารณ์ เขามิได้เชื่อในพระเจ้าเลย เขากล่าวว่า "พระเจ้าที่อาจจะได้ตั้งขึ้นในพวกยุคมืด ทรงกอดพระหัตถ์ของพระองค์ไว้บนพุงของพระองค์ และทรงหัวเราะเยาะกลุ่มพวกคริสเตียนที่เป็นเหล่ามารดาและเหล่าสาวกของพระองค์เองที่ควรจะเป็น-เหล่ามารดากับลูกเล็กๆ ทั้งหลายและสิ่งต่างๆ และปล่อยให้พวกสิงโตกัดกินพวกเขาและไม่เคยแม้แต่จะยื่นพระหัตถ์ออกมาเลย" คุณเห็นไหมครับว่า ความคิดเนื้อหนังอยู่ที่ไหน การศึกษาและสิ่งต่างๆ ที่มิอาจจะรับรู้นิมิตได้อยู่ที่ไหน?

เมล็ดข้าวสาลีเมล็ดนั้นต้องตกลงในดิน

เช่นเดียวกับพระเยซูทรงต้องตกลงมาเพื่อจะทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นคริสตจักรของพวกเพ็นเทคอสท์ต้องตกลงมา มันได้ตกลงในดิน พวกเขาในยุคมืด ข้าวสาลีทุกเมล็ด เมล็ดข้าวทุกเมล็ดที่ตกลงดิน มันต้องอยู่ในเวลามืดเพื่อจะงอกออกมาได้ แต่กระนั้นมันได้เริ่มแตกหน่อในมาร์ติน ลูเทอร์ ต่อมายังเวสเลย์ ต่อมาออกไปในเพ็นเทคอสท์ ตอนนี้ออกไปยังเมล็ดข้าว และตอนนี้พวกระบบนิกายที่พวกเขาทิ้งไว้ข้างหลัง พวกมันเป็นลำต้นทั้งหลาย นั่นแหล่ะครับ ระบบนิกายมันต้องถูกเผา แต่กระนั้นเมล็ดข้าวสาลีแท้ที่ออกมาจากแต่ละนิกายของการปฏิรูปเหล่านั้นจะถูกเลือกขึ้นมาไว้ในเจ้าสาวของพระคริสต์ พวกเขาทั้งหมดด้วยกันจะสร้างเจ้าสาวของพระคริสต์

ตอนนี้พวกเราพบว่า ในอังกฤษที่นั่นพวกเขาที่ได้ลอกเลียนแบบการตรึงกางเขนไม่นานที่ผ่านมา กลุ่มคนเหล่านั้นพวกเขาพวกเด็กๆ กับพวกที่ไว้ผมยาวและสิ่งต่างๆ และโห่ร้อง ... เรียกพระเยซูว่า "แด๊ดดี้-โอ" และทั้งหมดอย่างนั้น แย่จริงๆ

ตอนนี้คุณบอกว่า "นั่นอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ" ให้จับตาดูสิ่งที่อยู่ในหนังสือพิมพ์สัปดาห์ที่ผ่านมาที่นี่ในสหรัฐอเมริกา ศาสนาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่บางคนจากโรงเรียนดังๆ ได้กล่าวถึงการตรึงกางเขนว่าเป็นของปลอม ได้กล่าวว่าพระเยซูได้ทรงพยายามที่จะกระทำให้พระองค์เองเป็นเหมือนอย่างนั้นเพียงเท่านั้น พระองค์ได้ทรงดื่มต้นแมนเดรกนี้ และ.... พวกเราพบมันในพระธรรมปฐมกาลที่มันถูกกล่าวถึง มันเป็นพืชที่คล้ายกับกัญชาหรือพืชบางชนิด มันถูกพบในโลกตะวันออกที่นั่น และถ้าหากคุณดื่มมัน มันจะทำให้คุณนอนหลับ อาจจะอยู่ใน ... ของคุณ เหมือนคุณตาย, สลบไป, ทุกสิ่งทุกอย่างประมาณสองหรือสามวันต่อครั้ง

เขาได้กล่าวว่าเมื่อพวกเขาให้พระองค์ดื่มน้ำส้มสายชูและดีหมี มันเป็นไปได้ทั้งนั้นว่านั่นเป็นต้นแมนเดรก และเมื่อพวกเขาได้ทำ พวกเขาให้สิ่งนั้นแด่พระองค์ และพระองค์ได้ทรงสลบไปเหมือนกับพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว พวกเขาได้นำพระองค์ไปไว้ในอุโมงค์ฝังพระศพและพวกเขาได้ฝังพระองค์ไว้ที่นั่น และหลังจากนั้นสองหรือสามวันแน่นอนว่าจากนั้นกลับไปพระองค์ทรงตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งและทรงเป็นปกติดี ได้กล่าวว่าพระองค์ได้เสด็จขึ้นไปในประเทศอินเดียและทรงสิ้นพระชนม์อย่างธรรมดาสามัญอยู่ที่ไหนสักแห่ง พยายามที่จะปลอมแปลงศาสนา ตอนแรกนักวิจารณ์นั้น.... เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคนทั้งหลาย? เห็นไหมครับ? มันเป็นเพียงแค่ยุคนี้ที่พวกเรากำลังมีชีวิตอยู่ พวกผู้เยาะเย้ย (เห็นไหมครับ?) ยุคที่คำเผยพระวจนะจะสำเร็จ

พระเจ้าได้ทรงจัดสรรพระวจนะของพระองค์ออกไปในแต่ละยุค และแต่ละยุคสมัยเหล่านั้นต้องมีการปรากฏสำแดงให้เห็นเรื่องนั้น และพระองค์ยังได้ทรงแต่งตั้งคนทั้งหลายไว้ล่วงหน้าสำหรับยุคนั้นเพื่อจะทำให้พระวจนะนั้นสำเร็จ ทุกครั้งที่พระองค์ได้ทรงจัดสรรพระวจนะของพระองค์ พระองค์ได้ทรงจัดสรรคนไว้สำหรับมันด้วย เมื่อพระองค์ได้ทรงจัดสรรยุคของโมเสส พระองค์ได้ทรงจัดสรรโมเสสไว้กับมันด้วย เมื่อพระองค์ได้ทรงจัดสรรเวลาสำหรับพระบุตรของพระเจ้าที่จะประสูติ พระองค์ได้ทรงจัดสรรพระเยซูคริสต์ไว้กับมันด้วย ทุกยุคทุกสมัยพระองค์ได้ทรงจัดสรรคนทั้งหลายของพระองค์ไว้ ได้ทรงแต่งตั้งไว้ล่วงหน้า ตามที่พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้ ไม่มีอะไร.... ถ้าหากพระเจ้าทรงเป็นนิรันดร์, ทรงฤทธานุภาพ, ทรงมีฤทธิ์อำนาจทั้งปวง, ทรงสัพพัญญู, ทรงสถิตย์อยู่ทั่วทุกหนแห่ง เพราะฉะนั้นพระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งตั้งแต่จุดเริ่มต้น ดังนั้นพระองค์ทรงรู้.... ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากความพอใจ; มันเป็นพวกเราเท่านั้นที่คิดว่ามันเป็น มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำการ....

ให้มองย้อนกลับไปในพระวจนะของพระองค์และดูสิ่งที่พระองค์ทรงกำลังกระทำอยู่ จากนั้นพวกเราจะมีความเข้าใจ

ตอนนี้ให้คิด ประการแรก ถ้าหากพันธกรท่านนั้นจะได้คิด เมื่อตอนที่พวกเขาใส่น้ำส้มสายชูและดีหมีในพระโอษฐ์ของพระองค์ พระองค์ได้ทรงคายมันออกมา พระองค์มิได้ทรงดื่มมันตั้งแต่ตอนแรก เห็นไหมครับ? มันเป็นเรื่องที่พวกผู้เยาะเย้ยแต่งขึ้นมา ประการต่อไปพระเยซูชาวนาซาเร็ธได้ทรงกระทำอย่างไร ชีวิตของพระองค์ทรงเข้ากันพอดีกับคำเผยพระวจนะของพันธสัญญาเดิมทุกคำได้อย่างไรเล่าครับ? มันเป็นมาได้อย่างไรเล่าครับ มันมิอาจจะเป็นมาได้เว้นแต่ได้รับการทรงแต่งตั้งจากพระเจ้า ชีวิตของพระองค์ทรงเข้ากันพอดีกับทุกๆ คำเผยพระวจนะของพันธสัญญาเดิม อีกประการหนึ่งถ้าหากบรรดาสาวกเหล่านั้นได้อุปโลกน์พระองค์ขึ้นมาเหมือนอย่างนั้น ทำไมแต่ละคนของพวกเขาจึงตายในความทุกข์ทรมานเล่าครับ? และแม้กระทั่งอัครสาวกเปโตรได้กล่าวว่า "คว่ำศีรษะของข้าพเจ้าลงเถิด ข้าพเจ้าไม่คู่ควรพอที่จะตายเหมือนพระองค์" พวกเขาได้นำแอนดรูว์และเขาคว่ำกลับลงบนไม้กางเขนอย่างไร พวกเขาทุกคนได้ประทับตราคำพยานของพวกเขาในโลหิตของตัวพวกเขาเอง พวกเขาเชื่อพระองค์และรักพระองค์และมอบถวายชีวิตของพวกเขาให้แด่พระองค์ ถ้าหากพระองค์ทรงเป็นผู้อุปโลกน์ พวกเขาจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรเล่าครับ? เห็นไหมครับ ความสมัครใจฝ่ายวิญญาณ คนทั้งหลายไม่เข้าใจเรื่องนั้น

นี่เป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่นี่ไม่นานที่ผ่านมา รับบีที่ยอดเยี่ยมบางท่านที่ได้เขียนถึงโมเสสขณะที่เดินทางผ่านทะเลแดง ได้กล่าวว่า "จริงๆ แล้วมันไม่ใช่น้ำ น้ำไม่เคยเป็นกำแพงขึ้นมาได้" ได้กล่าวว่า "สิ่งที่มันเป็นคือ อีกฝั่งหนึ่งที่สุดปลายของทะเลเดดซี มีพวกต้นกก, พวกต้นกกชายเลนที่พวกเขาได้เดินทางผ่านน้ำไป-พวกต้นกก, พวกต้นกกของน้ำ ไม่มีน้ำในที่นั่น มีแค่พวกต้นกกเพียงเท่านั้น, พวกต้นกกชายเลนที่พวกเขาได้เดินทางผ่านไป" และบาทหลวงหลายคนเชื่อมันและยอมรับมัน

ที่นี่ไม่นานที่ผ่านมาเมื่อนักบินอวกาศคนแรกได้เดินทางขึ้นไป เขากลับมาและเขาไม่เคยได้เห็นอะไรของพระเจ้า เรื่องนั้นทำให้แม้แต่กระทั่งพวกพันธกรหันไปรอบๆ พวกเขาคิดว่าพระเจ้าประทับอยู่ ณ บนที่นั่นบางแห่งหนึ่งร้อยห้าสิบไมล์สูงขึ้นไป

เหตุฉะนั้น โอ้.... การศึกษาและภูมิปัญญาของโลกนี้จึงได้หันพวกคริสตจักรเข้าไปในกลุ่มเศษวัชพืช

การศึกษาและระบบการศึกษา, วิทยาศาสตร์ และอารยธรรมของพวกมารร้าย มันเป็นอารยธรรมของพวกมารร้าย พระคัมภีร์ไบเบิลได้กล่าวไว้อย่างนั้น และอารยธรรมของพวกเราที่กำลังจะมาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอารยธรรมนี้เลย มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับมันเลย มันจะเป็นอารยธรรมที่แตกต่างกัน เข้าสู่อารยธรรมนี้และโลกวิทยาศาสตร์นี้พวกเราได้รับ.... พวกเราได้รับทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น พวกเราเข้าไปสู่ความตาย, สิ่งต่างๆ, กับดักต่างๆ ที่จะสังหาร และทุกสิ่งทุกอย่างมากยิ่งขึ้น ในอารยธรรมใหม่นั้นจะไม่มีความตาย, ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ, ความเศร้าโศกหรือความเจ็บปวด เห็นไหมครับ? จะไม่มีอะไรอยู่ในที่นั่น ดังนั้นอารยธรรมนี้จะต้องถูกทำลายเพราะมันเป็นของพวกมารร้าย

พวกเราพบว่า ในพระธรรมปฐมกาล บทที่ 4 ที่คนทั้งหลายของคาอินได้เริ่มต้นอารยธรรม, การสร้างเมืองเล็กๆ และเมืองใหญ่ๆ และสิ่งต่างๆ และพวกเครื่องดนตรี และกลายเป็น ... และวิทยาศาสตร์ และคนทั้งหลายได้ห่างไกลไปจากพระเจ้ายิ่งขึ้น นอกจากเป็นเพียงศาสนา แต่กระนั้นเมื่อคนทั้งหลายของเสทมา พวกเขาเริ่มที่จะเอ่ยพระนามพระเจ้า อ้ะ พูดเกี่ยวกับสิ่งหนึ่งที่ลึกซึ้ง

ผมมิได้อยู่ที่นี่เพื่อจะทำร้ายความรู้สึกของใคร หรือพูดบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับคริสตจักรแห่งหนึ่ง และถ้าหากคุณอยู่ที่นี่และเป็นสมาชิกของคริสตจักรแห่งนี้ ผมมิได้พูดเรื่องนี้เพื่อจะทำร้ายความรู้สึกของคุณ เพราะว่ามีพวกคนดีๆ หลายคนในที่นั่นเหมือนกับที่มีในคริสตจักรอื่นๆ นอกจากนั้นผมได้อ่านในเมืองเชรฟพอร์ท สัปดาห์ที่ผ่านมาสถานที่ซึ่งคริสตจักรคาทอลิกได้ออกแถลงการณ์ และพวกเราเห็นว่าพวกเขาทั้งหมดกำลังมารวมเข้าด้วยกันตอนนี้ที่สภาสังคายนาสากลใหญ่และที่อื่นๆ เพื่อเป็นการกระทำให้สิ่งที่พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้สำเร็จอย่างแน่นอน แน่นอนครับ

ทีนี้พวกเราพบว่า พวกเขาได้กล่าวว่า "เหตุฉะนี้พระคัมภีร์ไบเบิล โปรเตสแตนต์บางพวกอยากจะยึดถือตามพระคัมภีร์ไบเบิลนั้นด้วยเหตุฉะนี้" กล่าวว่า "พระคัมภีร์ไบเบิลไม่มีอะไรนอกจากเป็นแค่หนังสือเล่มหนึ่ง, ประวัติศาสตร์ของคริสตจักร และพวกเขามิได้มีมันในลายลักษณ์อักษรจนกระทั่งประมาณ 250 ปีที่ผ่านมา มันเป็นคริสตจักรมาเสมอ" กล่าวว่า "มันเป็นคริสตจักร มิใช่พระคัมภีร์ไบเบิล และพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นเพียงแค่ประวัติศาสตร์ของสิ่งที่คริสตจักรได้กระทำแล้ว" ช่างเป็นเรื่องโกหกที่แยบยล เหตุฉะนั้นพวกเราจึงมีพระคัมภีร์ไบเบิลมาสามพันปีแล้ว พันธสัญญาเดิมได้ถูกจารึกไว้ในข้อพระคัมภีร์เป็นเวลาหลายร้อยและหลายร้อยปีก่อนการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ มันเป็นสิ่งอันแยบยลของพวกมารร้าย

และพวกเราพบว่าในยุคนี้เมื่อการเยาะเย้ยอย่างมากและการทำให้พระคัมภีร์ไบเบิลเป็นตัวตลกและความพยายามที่จะผลักดันมันออกไป.... พระเจ้าทรงต้องพิพากษาคริสตจักรด้วยบางสิ่งบางอย่าง พระองค์มิอาจจะทรงเป็นผู้ชอบธรรมได้ พวกเขามิอาจจะลงไปที่ถนนสายนี้และจับกุมผมได้และกล่าวว่าผมกำลังขับรถสามสิบไมล์ต่อชั่วโมงในเขตยี่สิบไมล์เว้นแต่มีบางสิ่งบางอย่างที่นั่นที่จะบอกผมว่า ผมได้รับอนุญาตให้ขับได้ที่ยี่สิบไมล์เท่านั้น มันต้องอยู่ที่นั่น และพระเจ้าจะทรงพิพากษาคริสตจักร ... จะทรงพิพากษาคนทั้งหลายสักวันหนึ่ง พวกเรารู้เรื่องนั้นไหมครับ มีการพิพากษาที่จะมาถึง ดังนั้นถ้าหากพระองค์จะทรงพิพากษามันดัวยคริสตจักรคาทอลิก คริสตจักรคาทอลิกแห่งใดเล่าครับ? ถ้าหากพระองค์จะทรงพิพากษามันด้วยคริสตจักรเมธอดิสท์ พวกแบ๊บติสต์ก็หลงหายไป ถ้าหากพระองค์ทรงพิพากษามันด้วยพวกวันเนส พวกทูว์เนสก็หลงหายไป เห็นไหมครับ? พระองค์จะทรงพิพากษามันด้วยอะไรเล่าครับ? พระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ว่าพระองค์จะทรงพิพากษามันด้วยพระคริสต์ และพระคริสต์ทรงเป็นพระวจนะ ดังนั้นมันจึงเป็นพระวจนะของพระเจ้าที่พระเจ้าจะทรงพิพากษา "ในตอนเริ่มต้นทรงเป็นพระวาทะ และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้าและพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า และพระวาทะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และอาศัยอยู่ในท่ามกลางพวกเรา ... เหมือนกับเมื่อวานนี้, วันนี้และสืบๆ ไปเป็นนิตย์" เห็นไหมครับ? ดังนั้นพระองค์จะทรงพิพากษามันด้วยพระวจนะของพระองค์

และตอนนี้พวกเราพบว่า ในยุคนี้เมื่อพวกเขากำลังพยายามที่จะผลักดันพระคัมภีร์ไบเบิลออกไป, ยอมรับพวกคริสตจักร.... พระคัมภีร์ไบเบิล อย่าต้องการมัน-คริสตจักร-ดังนั้นพวกเขาอาจจะทำทุกรูปแบบของคำสอนหรือทุกสิ่งอื่นใดและดำเนินไปกับมัน

เหตุฉะนั้นขณะที่ผมกำลังเทศนาในคืนก่อนที่เมืองเชรฟพอร์ตในพิธีศีลมหาสนิทเมื่อพวกเขาจะสังหารลูกแกะที่เป็นเครื่องสังเวยบูชาตัวนั้น ให้มีไร้เชื้อในท่ามกลางพวกเขาตลอดทั้งเจ็ดวัน ไร้เชื้อ, ขนมปังไร้เชื้อ ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องไร้เชื้อ นั่นเป็นตัวแทนของคริสตจักรทั้งเจ็ดยุคที่พวกเรามีในหนังสือที่นี่ และมีไร้เชื้อ สิ่งที่เป็น-บางสิ่งบางอย่างที่ได้ผสมปนเปกับมัน และพวกเราได้ผสมปนเปคำสอน, และนิกาย, และทุกสิ่งทุกอย่างอื่นๆ กับพระวจนะ และยังคงพยายามที่จะเรียกมันว่า พระวจนะ ไร้เชื้อจะเป็นทั้งเจ็ดวัน

และแม้กระทั่งสิ่งที่เป็น, รับประทานวันนี้, จงอย่าพยายามที่จะเก็บมันไว้สำหรับวันพรุ่งนี้, จงเผามันเสียด้วยไฟก่อนที่แสงในเวลากลางวันจะมาถึง เพราะมีคำเทศนาใหม่ที่จะมาและสิ่งใหม่

เห็นไหมครับ ให้พยายามยึดถือมันไว้ แต่นั่นได้เป็นทัศนคติของคริสตจักรไปแล้ว การฟื้นฟูดำเนินไปและสิ่งแรกที่คุณรู้ ภายในเวลาประมาณสามปีที่พวกเขาริเริ่มองค์กรใหม่นั้น นิกายริเริ่มองค์กรแห่งหนึ่ง แต่คุณได้สังเกตเห็นไหมครับว่า องค์กรนี้ได้รับการกวาดล้างไปยี่สิบปีมาแล้วตอนนี้และไม่มีองค์กรใดๆ และจะไม่มี! นี่เป็นจุดจบ ข้าวสาลีได้กลับไปเป็นข้าวสาลีอีกครั้งหนึ่ง ข้าวสาลีได้กลับมาเป็นเมล็ดของมัน เปลือกได้หลุดออกไปจากมัน และข้าวสาลีต้องวางอยู่ในต่อหน้าดวงอาทิตย์เพื่อจะได้สุกงอม

มันไม่เป็นสิ่งแปลกที่เมื่อไม่นานมานี้บนชายฝั่งตะวันออกมีความมืดมิดใหญ่ พวกเขามิอาจจะเข้าใจมันได้ รัฐเท็กซัสได้มืดมิดลงไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกเขามิอาจจะเข้าใจเรื่องนั้นได้ พวกคุณไม่ตระหนักหรือว่าสิ่งนั้นเป็นหมายสำคัญ? พวกคุณไม่รู้หรือว่าประชาชาติกำลังล่มสลาย? พวกคนอิสราเอลอยู่ในบ้านเกิดของนาง และหมายสำคัญเหล่านี้จะแสดงให้เห็นว่าพวกเราอยู่ที่ยุคสุดท้าย! ในเวลาเดียวกันมันกำลังมืดมิดลง พวกคุณไม่รู้หรือว่าสิ่งนั้นเป็นหมายสำคัญที่ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้ว่า "แต่จะมีแสงสว่างประมาณเวลาตอนเย็น" จะมีแสงสว่างออกมาในเวลาตอนเย็นเมื่อความมืดมิดและสิ่งต่างๆ กำลังดำเนินไปในทางที่พวกมันเป็นอยู่ในขณะนี้

ให้มองดูว่ามันจะมืดมิดลงได้อย่างไร

สมเด็จพระสันตะปาปาเพิ่งเสด็จมาที่นี่ จำได้ไหมครับ ที่คริสตจักรแห่งนั้นเมื่อพวกเขา-พวกคุณมีเทปทั้งหลาย-ผมคาดว่าพวกคุณทุกคนนำพวกมันไป-วิธีการที่พระเจ้าทรงแสดงให้เห็นที่นั่นวันนั้นในคริสตจักรแห่งนั้นอย่างชัดเจนที่ซึ่งคริสตจักรยุคต่างๆ เหล่านั้นจะเป็นและวิธีการที่พวกเขาจะเป็น และผมมีพวกเขาที่ได้ออกมาบนคณะกรรมการขึ้นไปที่นั่น พวกเขาคริสตจักรยุคต่างๆ ที่พวกคุณเห็นที่นี่ได้ออกมาในหนังสือเล่มนี้ และถ้าหากว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์มิได้เสด็จลงมาในเสาเพลิงใหญ่และได้เสด็จตรงกลับไป ณ ที่นั่น บนผนังนั้นและได้ทรงดึงพวกเขาออกมาด้วยพระองค์เองขณะที่สามหรือสี่ร้อยคนกำลังนั่งมองมันอยู่ และขณะที่สมเด็จพระสันตะปาปาได้ทรงเริ่มที่นี่ อย่างไรก็ตามดวงจันทร์ได้มืดมิดลง และพวกเขาได้ถ่ายภาพ เช่นเดียวกับที่มันถูกดึงขึ้นมาบนเวที ตอนนี้เขาได้ทำการเดินทางของเขามาที่นี่ในวันที่ 13, ได้เดิน 13 ก้าว, ได้ทำพิธีศีลมหาสนิทให้กับ 13 ให้กับประเทศหนึ่งที่มีเลขที่ 13 และการปรากฏอันมืดมิดเกิดขึ้นทุกหนแห่ง พวกคุณไม่เห็นหรือว่าพวกเราอยู่ที่ไหน? พวกเราอยู่ที่ยุคสุดท้าย

"พวกผู้เยาะเย้ยจะลุกขึ้นในยุคสุดท้าย กล่าวว่า "ไม่มีความแตกต่างในเวลานี้มากไปกว่าสิ่งที่มันได้เป็นแล้วมากกว่าเมื่อบรรพบุรุษของพวกเราได้ล่วงหลับไป'" นอกจากนั้นเมื่อคุณได้เห็นสิ่งเหล่านี้เริ่มจะเกิดขึ้น ให้เงยหน้าของคุณขึ้น, ให้เตรียมพร้อม บางสิ่งบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา พระคริสต์เสด็จมาเพื่อคริสตจักรของพระองค์

ตอนนี้พวกเขาไม่เชื่อมัน เพราะมันคือ ... พวกเขาไม่ตระหนักว่า พวกเขาเป็นพวกที่ทำให้ข้อพระคัมภีร์ต่างๆ สำเร็จ คนทั้งหลายไม่ได้ตระหนักจริงๆ ในการทำสิ่งเหล่านี้และบอกว่าสิ่งเหล่านี้พวกเขากำลังทำให้ข้อพระคัมภีร์ต่างๆ สำเร็จ วิธีไม่น้อย คายาฟาสมหาปุโรหิตและพวกปุโรหิตเหล่านั้นทุกคนในยุคนั้นที่ได้เยาะเย้ยและได้ทำให้พระองค์ทรงเป็นตัวตลก-ไม่รู้ว่าพระเจ้าแท้ๆ ที่พวกเขากำลังร้องเพลงถึง "พระ‍เจ้า‍ข้า พระ‍เจ้า‍ข้า ไฉนทรงทอด‍ทิ้งข้า‍พระ‍องค์เสีย? [พระธรรมสดุดี บทที่ 22] มือและเท้าของข้าพระองค์ พวกเขาแทง...." ร้องเพลงนั้นในพระวิหารและพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ที่นั่นบนไม้กางเขน พวกเขารู้สักนิดหรือไม่ว่าพวกเขากำลังทำอย่างนั้นอยู่ แม้แต่พระเยซูได้ทรงอธิษฐานว่า "พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงให้อภัยพวกเขาด้วยเถิด พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร" เพราะว่าพวกเขาได้ถูกทำนายไว้โดยข้อพระคัมภีร์ทั้งหลายให้ตาบอด

พวกคุณรู้ไหมครับว่า โปรเตสแตนต์และคริสตจักรคาทอลิกได้ถูกทำนายไว้ในยุคสุดท้ายว่าจะตาบอด? สิ่งเดียวกันกับข้อพระคัมภีร์ทั้งหลายกับพระคริสต์ที่ทรงอยู่ข้างนอก ทรงพยายามที่จะเข้ามาข้างใน? "เพราะเจ้าพูดว่า ‘ข้าเป็นเศรษฐีและข้าร่ำ‍รวยแล้ว ข้าไม่ต้อง‍การสิ่ง‍ใดเลย’ เจ้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนน่า‍สม‌เพช, น่า‍สัง‌เวช, เจ้ายาก‍จน, ตา‍บอด และเปลือย‍กาย!" พระธรรมวิวรณ์ บทที่ 3 นั่นแหล่ะครับท่าน กลับไปตาบอดอีกครั้งหนึ่ง, เหยียบย่ำสิ่งทั้งหลายของพระเจ้าราวกับว่าพวกเขาไม่ได้มีความหมายอะไรเลยสำหรับพวกเขา, เย้ยหยันและทำให้พระองค์ทรงเป็นตัวตลก นั่นคือสิ่งที่พระคัมภีร์ไบเบิลได้กล่าวไว้

แต่กระนั้นสำหรับคริสตจักร, เจ้าสาวของพระคริสต์, การรับขึ้นไปเป็นการเปิดเผยสำแดงแก่นาง มันได้เปิดเผยสำแดงให้นางเห็น การเปิดเผยสำแดงนั้น เจ้าสาวของพระคริสต์ที่แท้จริงจะรอคอยการเปิดเผยสำแดงของการรับขึ้นไปนั้น

ตอนนี้มันเป็นการเปิดเผยสำแดง เพราะการเปิดเผยสำแดงเป็นความเชื่อ คุณมิอาจจะมีการเปิดเผยสำแดงได้โดยปราศจากการมีความเชื่อ ความเชื่อเป็นการเปิดเผยสำแดงเพราะมันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่เปิดเผยสำแดงให้คุณเห็น ความเชื่อเป็นการเปิดเผยสำแดง ความเชื่อเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ได้ถูกเปิดเผยสำแดงให้แก่คุณเหมือนกับที่ได้เป็นกับอับราฮัมแล้ว เพื่อจะสามารถเรียกทุกสิ่งที่ขัดแย้งกับสิ่งที่ได้รับการเปิดเผยสำแดงให้แก่เขาราวกับว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น บัดนี้ความเชื่อ.... นั่นคือสิ่งที่ความเชื่อเป็นคือ การเปิดเผยสำแดงของพระเจ้า คริสตจักรถูกสร้างขึ้นบนการเปิดเผยสำแดง พระกายทั้งหมดทุกส่วน

ที่นี่ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้สนทนากับพันธกรแบ๊บติสต์ที่ดีคนหนึ่ง เขามาเพื่อปรึกษาหารือกับผม เขาบอกว่า "ผมชอบท่านในฐานะเป็นคนๆ หนึ่ง แต่" บอกว่า "ท่านผสมปนเปทั้งหมด"

ผมบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นผมอธิษฐานเผื่อคุณให้ช่วยผมได้ตรงมา...." ตอนนี้เขาบอกว่า ... "ด้วยข้อพระคัมภีร์"

เขาบอกว่า "พวกเรามิอาจจะทำได้ครับ บราเดอร์บรานฮาม เพื่อจะให้ได้สิ่งต่างๆ รวมเข้าด้วยกันได้จนกว่าพวกเราจะได้รับถ้อยคำทุกถ้อยคำที่ตรงกับภาษากรีกและภาษาอื่นๆ อย่างแม่นยำ"

ผมบอกว่า "โอ้ ท่านครับ คุณรู้เรื่องนั้นดีกว่า" ผมบอกว่า "แม้แต่ในสภาไนเซีย ทางย้อนกลับไปนานถึงสามร้อยปีจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ พวกเขายังคงโต้วาทีซึ่งนักวิชาการชาวกรีกนั้นถูกต้อง คุณมิอาจจะ.... มันเป็นการเปิดเผยสำแดง สิ่งทั้งหมดเป็น...."

เขาบอกว่า "ผมมิอาจจะยอมรับการเปิดเผยสำแดงได้"

ผมบอกว่า "แล้วคุณจะสามารถยอมรับพระคริสต์ได้อย่างไร?"

เขาบอกว่า "เพราะพระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้ว่า 'ผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ก็มีชีวิตนิรันดร์'"

ผมบอกว่า "นั่นถูกต้อง นอกจากนี้ยังกล่าวว่าไม่มีมนุษย์คนใดสามารถเรียกพระเยซูคริสต์ได้เว้นแต่โดยการเปิดเผยสำแดงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงเปิดเผยแก่เขาเท่านั้น" เห็นไหมครับ? นั่นแหล่ะครับ ตรงกลับมารอบๆ อีกครั้งหนึ่ง ตกกลับลงไปในการเปิดเผยสำแดง มันต้องได้รับการเปิดเผยสำแดง

ในพระคัมภีร์ไบเบิล.... คาอินและอาเบลไม่มีพระคัมภีร์ไบเบิลอ่าน แต่มันได้ถูกเปิดเผยสำแดงให้แก่อาเบลโดยความเชื่อซึ่งคือการเปิดเผยสำแดง อาเบลได้ถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าดีกว่าของคาอินมากยิ่งนัก ซึ่งพระเจ้าได้ทรงนับว่าเขาเป็นคนชอบธรรม เมื่อพระเยซูทรงถูกถามที่นี่ในพระธรรมมัทธิว บทที่ 16 ข้อ 17 และ 18 ... พวกเรายังไม่มีเวลาที่จะอ่านมัน แต่ถ้าหากพวกคุณอยากจะเขียนมันลงไป พระองค์ได้ตรัสว่า "คนทั่วไปพูดกันว่าบุตร‍มนุษย์เป็นใคร?"

คนหนึ่งของพวกเขากล่าวว่า "ท่านเป็นโมเสส, เอลียาห์ หรือบางท่าน"

พระองค์ตรัสว่า "แล้วท่านทั้งหลายว่าเราเป็นใคร?"

เขากล่าวว่า "พระองค์เป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่"

พระองค์ตรัสว่า "ซี‌โมนบุตรโย‌นาห์เอ๋ย ท่านก็เป็นสุข เพราะมนุษย์ไม่‍ได้เปิด‍เผยเรื่องนี้แก่ท่าน แต่พระ‍บิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิด‍เผยให้ทราบ บนศิลานี้ (การเปิดเผยสำแดงฝ่ายวิญญาณว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ใด พระเยซูทรงเป็นผู้ใด และพระองค์ทรงเป็นการเปิดเผยสำแดงของพระเจ้า พระเจ้าทรงกระทำให้บังเกิดเป็นมนุษย์และทรงเปิดเผยสำแดงแก่โลก พระองค์ได้ประทับอยู่ในโลก พระเจ้าทรงอยู่ในพระคริสต์ทรงคืนดีกับโลกนี้ด้วยพระองค์เอง ทรงเปิดเผยสำแดงสิ่งที่พระเจ้าทรงเป็นอยู่ในร่างกายของมนุษย์) ... พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์, ผู้ทรงได้รับการเจิม, พระบุตรของพระเจ้า"

พระองค์ตรัสว่า "มนุษย์ไม่‍ได้เปิด‍เผยเรื่องนี้แก่ท่าน แต่พระ‍บิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงเปิด‍เผยให้ทราบ บนศิลานี้ เราจะสร้างคริสต‌จักรของเรา (การเปิดเผยของพระวจนะในฤดูกาลของมัน) เราจะสร้างคริสต‌จักรของเราไว้และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสต‌จักรไม่‍ได้"

หนังสือพระธรรมวิวรณ์เป็นหนังสือเล่มสุดท้ายของพระคัมภีร์ไบเบิล มันได้ถูกปิดผนึกไว้สำหรับพวกผู้ไม่เชื่อ ในที่นั่นพระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวในบทที่ 22 ว่า "ถ้าใครตัดถ้อย‍คำอะไรออกไปหรือเพิ่มถ้อยคำลงไปในหนังสือนี้ เราก็จะตัดส่วนแบ่งของเขาที่มีอยู่ในหนังสือแห่งชีวิตไปเสีย" พวกเราตระหนักดีว่า ดังนั้นทั้งหมดด้วยกันนั้นได้ประทานให้แก่บรรดาผู้เชื่อ และเปิดหนังสือพระธรรมวิวรณ์และเปิดเผยสำแดงว่าใครเป็นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ทั้งหมด (ผู้ที่ทรงเป็นอัลฟาและโอเมก้าจากปฐมกาลถึงวิวรณ์ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นเหมือนเดิมตลอดไป) และทรงเปิดเผยสำแดงความลึกลับที่สมบูรณ์แบบของพระองค์โดยพระองค์เองและแผนการทั้งหลายของพระองค์เพื่อคริสตจักรยุคต่างๆ ที่จะมาถึงและได้ถูกปิดผนึกไว้ในที่นั่นโดยตราประทับทั้งเจ็ด

ตอนนี้หนังสือเล่มนี้ได้ถูกเขียนไว้ แต่กระนั้นแล้วจำได้ไหมครับว่า มันได้ถูกปิดผนึกไว้ด้วยตราประทับทั้งเจ็ด และตราประทับทั้งเจ็ดเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดออก พระธรรมวิวรณ์ บทที่ 10 จนกระทั่งเสียงของทูตสวรรค์ของโลกบนแผ่นดินโลกองค์สุดท้าย พระธรรมวิวรณ์ บทที่ 10 ข้อ 7 เห็นไหมครับ? "แต่ในวันเวลาแห่งเสียงแตรของทูต‍สวรรค์องค์ที่เจ็ดนั้น เมื่อท่านจะเริ่มเป่าแตรขึ้น ความลึกลับของพระ‍เจ้าก็จะสำเร็จในยุคนั้น" และนั่นคือยุคที่พวกเรากำลังมีชีวิตอยู่

พวกเราทุกคนรู้ว่าพวกเรากำลังอาศัยอยู่ในยุคเลาดีเซีย จะไม่มียุคอื่นอีกต่อไป มันมิอาจจะเป็นได้ ดังนั้นพวกเรากำลังมีชีวิตอยู่ในยุคเลาดีเซีย และตราประทับทั้งเจ็ดนี้ถือได้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นความลึกลับแก่คนทั้งหลายซึ่งจะถูกเปิดออกในยุคนั้น นั่นเป็นสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ ตอนนี้มันจะไม่เป็นอะไรที่นอกเหนือจากพระวจนะ เพราะคุณมิอาจจะเพิ่มเติมพระวจนะหรือตัดพระวจนะออกได้ มันต้องยังคงเป็นพระวจนะอยู่เสมอ นอกจากนั้นการเปิดเผยสำแดงคือการเปิดเผยสำแดงความจริงของมัน สิ่งที่มันเป็น เพื่อจะทำให้มันเข้ากันพอดีกับส่วนที่เหลือของข้อพระคัมภีร์ และจากนั้นพระเจ้าจะทรงพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งนั้นเป็นความจริง

เห็นไหมครับ พระเจ้าทรงไม่จำเป็นต้องมีผู้ตีความ พระองค์ทรงเป็นผู้ตีความของพระองค์เอง พระองค์ทรงกระทำการตีความของพระองค์เองโดยการนำสิ่งต่างๆ มาให้เกิดขึ้นตามที่พระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ว่าจะเกิดขึ้น เช่นเดียวกับในปฐมกาลพระองค์ได้ตรัสว่า "จงมีความสว่าง" และมันก็มีความสว่าง นั่นไม่จำเป็นต้องมีการตีความใดๆ มันได้รับการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าจริง

ตอนนี้พระองค์ได้ทรงสัญญาถึงสิ่งทั้งหลายไว้อย่างแน่นอนในยุคนี้ในข้อพระคัมภีร์ เหตุฉะนั้นมันจึงเป็น นั่นเป็นวิธีที่พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ได้ทรงสัญญาว่าจะส่งพระเยซูคริสต์มา เมื่อพระองค์ทรงอยู่ในยุคของพระองค์บนแผ่นดินโลกนี้ที่นี่และคนทั้งหลายมิอาจจะเชื่อพระองค์ได้ พระองค์ตรัสว่า "ท่านทั้งหลายจงค้น‍ดูในพระ‍คัมภีร์เพราะท่านทั้งหลายคิดว่าในนั้นมีชีวิตนิ‌รันดร์ และพระ‍คัมภีร์นั้นเองเป็นพยานให้กับเรา ถ้าเราไม่ได้ทำพระราชกิจของพระบิดาของเรา ดังนั้นจงอย่าเชื่อเรา แต่ถ้าพวกท่านไม่เชื่อเรา จงเชื่อพระราชกิจที่เราทำ; เพราะพวกมันเป็นพยานว่า เราเป็นผู้ใด"

ดีล่ะครับ ดังนั้นในยุคของเวสเลย์ การงานต่างๆ ที่เขาได้เป็นพยานว่าเขาเป็นใคร ในยุคของลูเทอร์ในการปฏิรูป เหตุฉะนั้นแน่นอนว่ามันเป็นพยานว่าเขาเป็นใคร ในยุคของเพ็นเทคอสท์ การรื้อฟื้นของประทานต่างๆ ให้กลับมา, การรื้อฟื้นของของประทานต่างๆ, การพูดภาษาแปลกๆ, และการขับผี และของประทานต่างๆ เพราะมันได้เป็นพยาน ไม่ใช่เรื่องตลกเกี่ยวกับเรื่องนี้

คนทั้งหลายได้กล่าวไว้เมื่อมันได้ถูกยกขึ้นครั้งแรก.... ผมอ่านหนังสือต่างๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเพ็นเทคอสท์ พวกเขากล่าวไว้ว่า "มันไม่อาจจะอยู่นานได้ มันจะถูกเผา" มันกำลังเผาไหม้อยู่ ทำไมเล่าครับ? มันเป็นเพราะว่าคุณไม่เคยนำมันออกมา พระเจ้าทรงกล่าวว่ามันจะอยู่ที่นั่น มันเป็นส่วนหนึ่งของพระวจนะ และไม่มีอีกต่อไปที่คุณจะตัดสิ่งนั้นออกได้.... และจากนั้นเมื่อเจ้าสาวของพระคริสต์กำลังจะถูกเรียกออกมา คุณจะตัดมันออกไปได้อย่างไรเล่าครับ? มันเป็นการเปิดเผยสำแดงของการปรากฏสำแดงของพระวจนะว่าถูกทำให้เป็นจริง และพวกเรากำลังมีชีวิตอยู่ในยุคนั้น ขอพระเจ้าได้รับการสรรเสริญ! การเปิดเผยความลึกลับของพระองค์เอง

ทีนี้เป็นการรับขึ้นไปเพียงเท่านั้น การรับขึ้นไปนี้ที่พวกเรากำลังพูดถึงอยู่คือสำหรับเจ้าสาวของพระคริสต์เพียงเท่านั้น จำได้ไหมครับว่า พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้ว่า "และพวกคนตายที่เหลือนั้นไม่ได้กลับมีชีวิตอีกจนกว่าเวลาหนึ่งพันปีนั้นสำเร็จ" การรับขึ้นไปอันยิ่งใหญ่นี้.... เพื่อนๆ ครับ ถ้าหากไม่มีการรับขึ้นไป พวกเราอยู่ที่ไหน? พวกเรากำลังจะทำอะไร? พวกเรากำลังอาศัยอยู่ในยุคอะไร? พวกเรามีพระสัญญาอะไร? จะมีการรับขึ้นไป พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่าจะมี และมันจะเป็นเพียงสำหรับผู้ที่ได้รับการทรงเลือกสรรไว้เท่านั้น ท่านสุภาพสตรีที่ได้รับการทรงเลือกสรรไว้ เจ้าสาวของพระคริสต์ในยุคนี้ที่ถูกดึงออกมาจากคริสตจักร

คำว่า คริสตจักร จริงๆ แล้วหมายถึง "ถูกเรียกออกมาจาก" ตามที่โมเสสได้เรียกชนชาติหนึ่งออกมาจากชนชาติหนึ่ง พระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังทรงเรียกเจ้าสาวของพระคริสต์ออกมาจากคริสตจักร คริสตจักรแห่งหนึ่งออกมาจากคริสตจักรแห่งหนึ่ง พวกสมาชิกจากนิกายทุกนิกายกำลังทำให้เป็นเจ้าสาวของพระคริสต์, ต้นไม้เจ้าสาวของพระคริสต์ขึ้นมา มันอยู่ในเทป ต้นไม้เจ้าสาวของพระคริสต์ เจ้าสาวของพระคริสต์ได้รับการทรงเรียกให้ออกมา.... และนั่นคือผู้นั้น ต้นไม้เจ้าสาวของพระคริสต์คือ ... เจ้าสาวของพระคริสต์มากกว่าคือพวกที่จะอยู่ในการรับขึ้นไปเพียงพวกเดียว ไม่มีพวกใดนอกจากเจ้าสาวของพระคริสต์ ผู้ได้รับการทรงเลือกสรรและได้รับการทำนายไว้ล่วงหน้าแล้วโดยพระเจ้าตั้งแต่ปฐมกาล เชื้อสายฝ่ายวิญญาณของพระบิดา

ผมขอหยุดที่นี่สักหนึ่งนาที ถ้าหาก.... ผมเริ่มกระวนกระวายคิดว่า ผมจะรั้งพวกคุณไว้นานเกินไป

นอกจากนั้นสังเกตไหมครับ ให้มองดู! แต่ละคนของพวกคุณ คุณรู้ไหมครับว่า หลายปีก่อนที่คุณเกิด คุณอยู่ในคุณพ่อของคุณเป็นยีนหนึ่งยีน? นั่นถูกต้องครับ! เชื้อของพงศ์พันธุ์อยู่ในคุณพ่อของคุณ มาจากเพศชายมิใช่เพศหญิง เห็นไหมครับ? เพศหญิงสร้างไข่ พื้นฐาน แต่เชื้อสายมาจากคูณพ่อ

ตอนนี้บอกว่า ในคุณพ่อของผมหรือลูกชายของผมที่นั่งอยู่ที่นี่ เมื่อตอนที่ผมอายุสิบหกปี ลูกชายของผมอยู่ในผม ผมไม่รู้จักเขา แต่เขาก็อยู่ที่นั่นแล้ว ตอนนี้โดยผ่านพื้นฐาน, โดยการสมรสศักดิ์สิทธิ์ เขากลายเป็นฉายของผม ผมรู้จักเขา ผมสามารถสามัคคีธรรมกับเขาได้ และเขามาทันเวลาเมื่อมันเป็นเวลาที่ใช่

ทีนี้คุณได้อยู่ใน.... ถ้าหากว่าคุณมีชีวิตนิรันดร์, คุณได้อยู่ในพระเจ้าก่อนที่จะเคยมีโลก คุณเป็นส่วนหนึ่ง เป็นบุตรของพระเจ้า และพระลักษณะของพระเจ้า พระองค์ทรงรู้ถึงยุคนั้นๆ ที่คุณกำลังจะมาถึง พระองค์ได้ทรงกำหนดคุณไว้สำหรับยุคนั้นที่จะเกิดขึ้น และไม่มีใครอื่นที่จะสามารถแทนที่ได้ ผมไม่สนใจว่ามีการลอกเลียนแบบและสิ่งต่างๆ กี่ครั้ง คุณจะต้องอยู่ที่นั่น เพราะว่าพระองค์ทรงรู้ว่าคุณจะต้องอยู่ที่นั่น ตอนนี้คุณถูกทำให้ปรากกฏ ตอนนี้คุณสามารถสามัคคีธรรมกับพระองค์ได้ นั่นเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงปรารถนา พระองค์ทรงกำลังรอคอยการสามัคคีธรรม เพื่อจะทรงได้รับการสรรเสริญบูชา แต่กระนั้นถ้าหากชีวิตของคุณมิได้ ... เป็นเสมอ ดั่งพระลักษณะของพระเจ้า คุณก็เป็นแค่ผู้ลอกเลียนแบบการเป็นคริสเตียนเพียงเท่านั้น เห็นไหมครับ? จะมีหลายล้านและหลายพันล้านของพวกเขาที่จะเป็นเพียงแค่ผู้ลอกเลียนแบบการเป็นคริสเตียน

ข้อสังเกตหนึ่งซึ่งผมเพิ่งได้ให้ไว้เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้กำลังเฝ้าดู บราเดอร์เดมอส ชาคาเรียน ที่นั่นเมื่อพวกเขากำลังมี ... การผสมเทียมโคเนื้อ ได้เฝ้าดูพวกหลอดทดลองและสิ่งต่างๆ ที่ถูกนำเข้าไปในมันโดยพวกแพทย์และการเฝ้าดูสิ่งเหล่านี้

ในการหลั่งจริงๆ ของผู้ชายมีเชื้อเป็นล้านๆ ตัวออกมาจากผู้ชายในแต่ละครั้ง และไข่เป็นล้านๆ ฟองมาจากผู้หญิงในเวลาเดียวกัน แต่คุณรู้ไหมครับว่า ในเชื้อเล็กๆ ทุกเชื้อที่กำลังเคลื่อนอยู่รอบๆ เป็นล้านของพวกมันนั้นมีเพียงเชื้อหนึ่งของพวกมันที่ถูกกำหนดไว้ให้มีชีวิต และมีไข่เพียงหนึ่งฟองที่อุดมสมบูรณ์? และเชื้อเล็กๆ นั้นจะว่ายขึ้นไปเหนือผ่านเชื้อเล็กๆ ทุกเชื้ออื่นๆ ของพวกมัน ที่ด้านบนของเชื้อเล็กๆ ทุกเชื้อที่เหมือนกับมันและมายังด้านบนของที่นั่นและมายังด้านบนของที่นี่และพบไข่ที่อุดมสมบูรณ์นั้นและว่ายเข้าไปในนั้น แล้วส่วนที่เหลือทั้งหมดของพวกมันก็ตาย เพราะฉะนั้นพูดถึงการกำเนิดโดยหญิงพรมจารีว่าเหตุใดมันไม่ใช่ครึ่งหนึ่งของความลึกลับของการกำเนิดทางฝ่ายกายภาพ วิธีการที่มันได้รับการทรงแต่งตั้งไว้ล่วงหน้า, ได้รับการทรงเลือกไว้ล่วงหน้าแล้วโดยพระเจ้า

ทีนี้ในปฐมกาล ทางกลับไปหลายปีที่ผ่านมาก่อนที่กาลเวลาจะได้เริ่มต้น คุณครับ ถ้าหากว่าคุณเป็นคริสเตียนที่บังเกิดใหม่ในคืนนี้ ดังนั้นคุณได้อยู่ในพระเจ้า พระบิดาของคุณ และเหตุฉะนั้นเมื่อคุณเข้ามาในชีวิตนี้ที่นี่และนับถือคริสต์ศาสนา ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังผิดไป คุณเคยสงสัยไหมครับว่าเหตุใดจึงเป็นอย่างนี้และทั้งหมดนี้ คุณสงสัยมัน นอกจากนั้นวันหนึ่งบางสิ่งบางอย่างปะทะคุณ มันคืออะไรเล่าครับ? ชีวิตนั้นที่ได้ลงมาในที่นั่นตั้งแต่ปฐมกาล

เหมือนกับเรื่องเล็กๆ เกี่ยวกับนกอินทรีที่กำลังเสาะหา ... แม่ของมันกำลังเสาะหานกอินทรีตัวนั้น พวกคุณเคยได้ยินผมเทศนาเรื่องนั้นแล้ว วิธีการที่นกอินทรีน้อยตัวนั้นซึ่งถูกฟักโดยแม่ไก่ตัวหนึ่ง แต่นิสัยของนางที่พยายามจะให้อาหารพวกมันพวกลูกไก่ นกอินทรีน้อยตัวนั้นมิอาจจะกินอาหารของมันได้เพราะว่ามันไม่ได้เป็นลูกไก่ตั้งแต่เริ่มต้น แต่มันก็ยังอยู่ในเล้ากับพวกลูกไก่และตามพวกลูกไก่ไป แต่นางจะคุ้ยเขี่ยในยุ้งข้าวและสิ่งต่างๆ และนกอินทรีน้อยตัวนั้นมิอาจจะทนได้ นอกจากนั้นทุกครั้งนางจะส่งเสียงกระต๊ากและเสียงต่างๆ พวกลูกไก่เล็กๆ ทุกตัวก็จะไปหา ดังนั้นมันจึงต้องไปด้วย

แต่มาวันหนึ่งแม่ของมันรู้ว่า นางได้ออกไข่สองฟองไม่ใช่หนึ่งฟอง จะต้องมีอีกตัวหนึ่งที่อยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง นางได้ไปตามหามัน บินไปรอบๆ วนเวียนอยู่ ในที่สุดนางได้มาที่ยุ้งข้าวและนางก็ได้พบลูกน้อยของนาง และนางส่งเสียงร้องหามัน มันเป็นเสียงที่มันตระหนักว่าเป็นสิ่งที่ใช่ นั่นคือสิ่งที่มันกำลังมองหา เห็นไหมครับ? และมันก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ลูกไก่ มันเป็นลูกนกอินทรี และนั่นก็เป็นวิธีของคริสเตียนที่บังเกิดใหม่ทุกคน เมื่อคุณมาผมไม่สนใจว่าคุณได้เข้าร่วมกี่นิกาย คุณได้ลงชื่อกี่ชื่อของคุณในหนังสือและสิ่งต่างๆ เมื่อพระวจนะอันแท้จริงของพระเจ้าได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงต่อหน้าคุณเหมือนอย่างนั้นคุณรู้ว่าคุณเป็นลูกนกอินทรี ณ ที่นั่น เพราะว่าการกระต๊ากของแม่ไก่นี้ทุกๆ ครั้ง คุณเข้าร่วมกับพวกนี้ และเข้าร่วมกับพวกนี้และไปทางนี้และทางนั้น มันเป็นเรื่องไร้สาระ มันเป็นการเพิ่มคำต่อคำอย่างแท้จริง

เมื่อมีเชื้อๆ หนึ่งเข้ามาในครรภ์ของผู้หญิง มันมิได้ใช้.... คุณมิได้กลายเป็นเชื้อมนุษย์จากคุณพ่อของคุณ และจากนั้นสิ่งต่อไปที่คุณจะกลายเป็นเชื้อจากสุนัข และสิ่งต่อไปจากแมว และสิ่งต่อไปจากไก่ มันเป็นเชื้อมนุษย์ทั้งหมด และพระกายของพระเยซูคริสต์ เจ้าสาวของพระคริสต์จะเป็นส่วนหนึ่งของพระกายของพระองค์ซึ่งจะ.... พระองค์ทรงเป็นพระวจนะแล้ว และเจ้าสาวของพระคริสต์จะต้องเป็นพระวจนะ พระวจนะได้เพิ่มไปยังพระวจนะได้เพิ่มไปยังพระวจนะ ความชอบธรรมของลูเทอร์, การชำระให้บริสุทธิ์ของเวสเลย์, การรับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ของเพ็นเทคอสท์, การฟื้นฟูของของประทานต่างๆ และส่วนที่เหลือทั้งหมดของมันที่ไปกับมัน มันต้องเป็นถ้อยคำบนถ้อยคำ, เชื้อบนเชื้อ, ชีวิตบนชีวิต เพื่อจะนำรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์ของเจ้าสาวของพระเยซูคริสต์เจ้าออกมา

ทีนี้คุณจำได้ไหมครับว่า คุณเป็นคุณลักษณะหนึ่ง

และตอนนี้สิ่งที่มันเป็นหลังจากที่พวกเราค้นพบสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ว่า พระเยซูคริสต์จะเสด็จมาเพื่อเจ้าสาวของพระองค์ ตอนนี้พวกเราจะเข้ามาในเจ้าสาวของพระคริสต์นั้นได้อย่างไร? ทีนี้นั่นคือคำถาม คนหลายคนบอกว่า "ให้เข้ามาร่วมการประชุมนุมของพวกเรา" คนหนึ่งของพวกเขาอยากจะรับบัพติศมาในแบบเฉพาะแบบหนึ่ง คนหนึ่งอยากจะทำอย่างนี้หรืออย่างนั้น คนหนึ่งบอกว่าคุณต้องพูดภาษาแปลกๆ มิฉะนั้นคุณมิได้รับมัน อีกคนหนึ่งบอกว่าคุณไม่ต้องพูดภาษาแปลกๆ คนนี้บอกว่าคุณต้องเต้นรำในพระวิญญาณ และคนนี้บอกว่าคุณต้องตะโกน คนนี้ต้องมีการสัมผัส ทั้งหมดมันก็ดี แล้วมันทั้งหมดก็ยังผิด ผู้ชายคนหนึ่งที่ ... หรือผู้หญิงคนหนึ่ง, หรือลูกคนหนึ่งของพระเจ้าซึ่งได้บังเกิดจากพระวิญญาณของพระเจ้าจะปฏิเสธพระวจนะของพระเจ้าได้อย่างไร เมื่อพระเจ้าพระองค์เองได้ทรงตีความมันและตรัสว่า "สิ่งนี้เป็นมัน เราได้สัญญามัน นี่เป็นมัน" ด้วยการแสดงว่ามันเป็นเพียงเรื่องธรรมดาเท่าที่มันอาจจะเป็นได้ เหตุฉะนั้นพวกเขาได้ผูกพันไว้ที่จะเห็นมัน เห็นไหมครับ? พระคริสต์จะทรงปฏิเสธพระวจนะของพระองค์เองได้อย่างไร ถ้าหากพระคริสต์ทรงอยู่ในคุณ พระองค์มิอาจจะทรงปฏิเสธพระวจนะของพระองค์เองได้

ดังนั้นพวกเราจะเข้าไปในกายนี้ได้อย่างไรเล่าครับ? พระธรรม 1 โครินธ์ บทที่ 12 "เราได้รับบัพ‌ติศ‌มาในพระ‍วิญ‌ญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายเดียว‍กัน" โดยการบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์องค์เดียวกัน ถ้าหากว่าพวกคุณอยากจะจดลงไป พระธรรม 1 โครินธ์ บทที่ 12 ข้อ 13 "เราได้รับบัพ‌ติศ‌มาในพระ‍วิญ‌ญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายเดียว‍กัน ... " และพระวิญญาณทรงเป็นชีวิตของพระคริสต์ (นั่นถูกต้องไหมครับ?) ชีวิตของพระคริสต์ และชีวิตของเมล็ดพืชทุกเมล็ด-ซึ่งพระองค์ทรงเป็นเมล็ดพืชของพระวจนะ-ทรงนำเมล็ดพืชมาให้มีชีวิต พวกคุณเข้าใจเรื่องนั้นไหมครับ? ถ้าหากว่าชีวิตนั้นคือการวางอยู่ในเมล็ดพืชและการบัพติศมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์นี้มาเหนือมัน มันได้ผูกพันไว้เพื่อจะนำชีวิตของเมล็ดพืชเมล็ดนั้นมา

ตามที่ผมได้บอกพวกคุณที่นี่ที่เมืองฟินิกซ์ไม่นานที่ผ่านมาว่า ผมได้กำลังสนทนาอยู่กับบราเดอร์จอห์น ชาร์ริท และผมได้ออกจากที่นั่นและเขาได้แสดงให้ผมเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง ต้นมะนาว เขาได้ปลูกผลมะนาวเป็นจำนวนมาก และเขาได้แสดงให้ผมเห็นต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งมีผลไม้แปดหรือเก้าชนิดของผลไม้ที่แตกต่างกัน และผมถามว่า "บราเดอร์ชาร์ริท นั้นเป็นต้นไม้ชนิดใดครับ?"

บอกว่า "ต้นส้ม"

ผมบอกว่า "ทำไมเป็นมะนาว, และส้มเขียวหวาน, และส้มพันธุ์ผสม, และส้มโอ เล่าครับ?"

เขาบอกว่า "มันเป็นผลไม้สกุลมะนาวทั้งหมด พวกมันถูกทาบกิ่ง"

"โอ้” ผมกล่าวว่า “ผมเข้าใจ ตอนนี้ปีหน้ามันทั้งหมดจะมีพวกส้ม"

แต่ "โอ้ ไม่ครับ ต้นไม้แต่ละต้นจะออกผลของตัวของมันเอง ... แต่ละกิ่งจะออกผลของตัวของมันเอง"

พวกคุณหลายคนที่เป็นผู้ปลูกผลไม้รู้ว่าที่นี่ในหุบเขามะนาวแห่งนี้ มันจะออกผลของตัวของมันเอง

คุณทาบกิ่งต้นมะนาวกิ่งหนึ่งในต้นส้มต้นหนึ่ง มันจะออกผลมะนาวเพราะมันเป็นธรรมชาติของผลมะนาว แต่มันจะไม่ออกผลดั้งเดิม และนั่นเป็นสิ่งที่พวกเราได้ทำมาแล้ว พวกเราได้ทาบกิ่ง, ได้เข้าไปข้างในกับคำสอนต่างๆ และพวกอื่นๆ และได้ทาบกิ่งในแต่ละนิกายที่นี่ พวกเมธอดิสท์สามารถนำสิ่งใดออกมาได้อย่างไร นอกจากลูกเมธอดิสท์? นิกายใดๆ สามารถนำอะไรออกมาได้อย่างไร นอกจากลูกของนิกาย?

แต่ถ้าหากต้นไม้ต้นนั้นได้เคยแตกแขนงแบบดั้งเดิม มันจะผลิตผลส้มทั้งหลายออกมา และจากนั้นถ้าหากพระเจ้าได้เคยทรงกระทำสิ่งใดในคริสตจักร มันจะเป็นแบบดั้งเดิมกลับมาพร้อมกับพระวจนะอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน มันจะต้องเป็นเพราะว่าชีวิตอยู่ในต้นไม้ต้นนั้น และมันออกผลตามชนิดของตัวของมันเอง

คราวนี้เมื่อพวกเราพบว่า.... ทีนี้มีคริสตจักรใหญ่แห่งนั้นซึ่งได้เคลื่อนลงมาผ่านยุคต่างๆ ออกผลของตนเองเและเหมือนกับกิ่งที่ไม่เกิดผลทั้งหลายพวกเขาก็ตัดพวกมันทิ้งเสีย ในพระธรรมยอห์น บทที่ 15 ... พวกแขนงองุ่นที่ไม่เกิดผล พระ‍องค์ก็ทรงตัดพวกแขนงนั้นทิ้งเสีย ตัดพวกเขาทิ้งเสีย เพราะว่าพวกเขาไม่เกิดผลใดๆ และพวกเรา...  

พระเยซูทรงต้องการผลไม้สำหรับพระองค์เอง พระชายาของพระองค์ต้องผลิตบุตรทั้งหลายที่เป็นแบบเดียวกับที่พระองค์ทรงเป็น แล้วถ้าหากพวกเขามิได้ผลิตบุตรทั้งหลายออกมา, บุตรทั้งหลายเจ้าสาวของพระคริสต์, บุตรทั้งหลายของพระวจนะ, ดังนั้นเขาจึงเป็นบุตรของนิกาย จากนั้นความรักครั้งแรกของนางสำหรับโลกและนิกาย นางได้กลับไปที่พวกนั้น และพวกเขามิอาจจะผลิตคริสเตียนแท้ที่บังเกิดใหม่จริงๆ ได้ เพราะว่าไม่มีอะไรที่นั้นที่จะผลิตเขาออกมาได้

เหมือนราวกับถ้าหากว่า คุณใช้กิ่งมะนาวกิ่งหนึ่งและทาบมันไว้ในที่นั่น มันจะผลิตผลมะนาว แต่มันมิอาจจะผลิตผลส้มได้เพราะว่ามันไม่ได้เป็นที่นั่นในปฐมกาล แต่มันได้ถูกกำหนดไว้ในปฐมกาลแล้ว โดยการทรงรู้ล่วงหน้าของพระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าและได้บังเกิดขึ้น มันต้องผลิตผลส้มออกมา มันมิอาจจะผลิตผลไม้อย่างอื่นได้

นั่นเป็นวิถีทางของคริสตจักรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เมื่อเวลานั้นมาถึง ทุกคน.... พวกคุณให้พระเจ้าทรงเริ่มต้นที่จะกระทำบางสิ่งบางอย่าง ทุกคนมีลูกบอลนั้นและได้หายไป เห็นไหมครับ? มันมักเป็นอย่างนั้นเสมอมา ผมอ่านประวัติศาสตร์ของมาร์ติน ลูเทอร์ ที่นี่ไม่นานมานี้ มันได้กล่าวไว้ว่ามันไม่ยากมากนักที่จะเชื่อว่ามาร์ติน ลูเทอร์ สามารถประท้วงคริสตจักรคาทอลิกและสามารถทำด้วยกับมันได้ นอกจากนั้นได้กล่าวสิ่งที่แปลกไว้คือ เขาอาจจะยึดศีรษะของเขาเหนือพวกคลั่งไคล้ทั้งหมดที่ได้ติดตามการฟื้นฟูของเขาได้และยังคงตรงอยู่บนเรื่องความชอบธรรมของเขา เห็นไหมครับ? เกือบจะทุกสิ่งทุกอย่าง, การลอกเลียนแบบและทุกสิ่งทุกอย่างได้ติดตามเขา

ให้มองดูที่ คุณนายแซมเปิ้ล แมคเฟอร์สัน, เอมี่ แซมเปิ้ล แมคเฟอร์สัน ผู้ที่มีวิหารแห่งนี้ที่นี่ นักเทศน์สุภาพสตรีทุกคนมีปีกของพวกเขาและได้บรรจุพระคัมภีร์ไบเบิลแบบเดียวกัน แค่การลอกเลียนฝ่ายเนื้อหนัง พวกเขามิอาจจะเป็นต้นฉบับได้ นั่นคือวิธีการที่คริสตจักรทั้งหลายมิอาจจะเป็นได้ คุณให้คริสตจักรแห่งหนึ่งได้รับบางสิ่งบางอย่างหรือสิ่งอื่นๆ ในเมืองหนึ่ง คริสตจักรอื่นๆ มิอาจจะทนได้จนกระทั่งพวกเขาได้รับมัน เห็นไหมครับ? พวกเขามิได้เป็นต้นฉบับอีกต่อไป พระวจนะของพระเจ้าเป็นต้นฉบับ มันเป็นพระวจนะและมันต้องผลิตแบบของตนเองออกมาในฤดูกาลของตนเอง, ผู้ที่ได้รับการทรงเลือกสรรไว้, ผู้ที่ได้รับการทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าโดยพระบิดาเจ้า

ตอนนี้พวกเราเข้าไปในคริสตจักรแห่งนี้ได้อย่างไรเล่าครับ? โดยพระวิญญาณองค์เดียวกันพวกเราทุกคนได้รับบัพติศมาในกายเดียวกันนี้ พระกายของพระคริสต์ซึ่งเป็นเจ้าสาวของพระคริสต์, พระวจนะ ได้รับบัพติศมาในที่นั่นโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์

ตอนนี้ให้พวกเราสังเกตครับว่า ไม่ว่าพวกเราอยู่ในยุคสุดท้ายหรือไม่ก็ตาม ตอนนี้พวกเราพบว่าถ้าหากพวกเราเปิดกลับมาในพระธรรมปฐมกาล ประมาณ โอ้ ประมาณบทที่ 5-คุณอาจจะเปิดไปที่พระธรรมลูกาได้ด้วย-และพบว่า เอโนคเป็นคนที่เจ็ดจากโนอาห์ เอโนค ... มีพงศ์พันธุ์ของชาติงูร้ายเกาะอยู่ เพราะถ้าหากว่าคาอินเป็นลูกชายของอาเบลแล้ว ดังนั้นเขาก็เป็นคนที่แปด พวกคุณเห็นไหมครับ? นอกจากนั้นไม่มีที่ไหนในพระคัมภีร์ไบเบิลที่ได้กล่าวว่า คาอินเป็นลูกชายของอาเบล ... หรือ คาอินเป็นลูกชายของอาดัม เนื่องจากว่าพระคัมภีร์ไบเบิลได้กล่าวว่า เขาเป็นของมารร้าย และอาดัมไม่ได้เป็นของมารร้าย เห็นไหมครับ? เขาเป็นของมารร้าย

ตอนนี้พวกเราพบว่า ที่นี่ที่เอโนคเป็นคนที่เจ็ดจากโนอาห์ซึ่งเป็นแบบหนึ่งของคริสตจักรยุคต่างๆ ตอนนี้หกคนก่อนหน้าเขาได้ตายไปแล้ว แต่เอโนคได้ถูกรับขึ้นไป, เอโนคได้ถูกรับขึ้นไป, คนที่เจ็ด แสดงให้เห็นว่ามันเป็นคริสตจักรยุคที่เจ็ดที่ถูกรับขึ้นไป ตอนนี้ไม่มีข้อสงสัยว่าพวกเรากำลังอยู่ในคริสตจักรยุคที่เจ็ด พวกเราทุกคนรู้เรื่องนั้น

ตอนนี้มันเป็นคริสตจักรยุคที่เจ็ดที่จะถูกรับขึ้นไป คนอื่นๆ ทั้งหกคนตายไปแล้ว แต่เอโนคได้ถูกรับขึ้นไปเพราะเขาไม่ได้ถูกพบ พระเจ้าได้ทรงรับเขาไปแล้ว แต่เอโนคได้ถูกรับขึ้นไป เป็นแบบหนึ่งของคนที่เหลือทั้งหมดของพวกเขาที่กำลังจะตาย แต่กระนั้นเจ้าสาวของพระคริสต์ยุคสุดท้ายจะได้รับการทรงเรียกออกมา (ด้วยการรับขึ้นไปที่ปราศจากความตาย) จะได้รับการทรงเรียกออกมาจากคริสตจักรยุคที่เจ็ด ซึ่งตอนนี้พวกเรากำลังแบกบันทึกของยุคนั้นอยู่ โอ้! ตอนนี้ให้พวกเราขุดลงไปให้ลึกจริงๆ เห็นไหมครับ?

ตอนนี้ที่นี่ยังมีประเภทของคริสตจักรทั้งเจ็ดยุค ซึ่งอยู่ในพระธรรมวิวรณ์ บทที่ 10 ข้อ 7 คือ ความลึกลับอันยิ่งใหญ่ของหนังสือเล่มนี้ได้ถูกคลี่ออกโดยทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ด

คราวนี้มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งนอกเหนือจากองค์เหล่านี้ทั้งหมดและทูตสวรรค์องค์หนึ่งบนแผ่นดินโลก คำภาษาอังกฤษ ทูตสวรรค์ หมายถึง "ผู้ส่งสาส์น" และในคำเทศนาของทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดในขณะที่เขากำลังทำ ... ของเขา กำลังประกาศพันธกิจของเขาอยู่ จากนั้นเมื่อเขาเริ่มที่จะส่งเสียงพันธกิจของเขาออกมา ไม่ใช่เมื่อเขาได้เริ่มต้น.... ออกมา พระเยซูเมื่อพระองค์ได้ทรงเริ่มต้นออกมา พระองค์ได้ทรงเริ่มการเยียวยารักษาโรคผู้คนที่เจ็บป่วยและผู้ทุกข์ทรมาน "และ โอ้ รับบีผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้น พระองค์ทรงเป็นผู้เผยพระวจนะ!" และทุกคนอยากให้พระองค์ประทับอยู่ในคริสตจักรของเขา แต่เมื่อพระองค์ทรงนั่งลงในวันหนึ่งและทรงกล่าวว่า "เราและพระบิดาของเราเป็นหนึ่งเดียวกัน" นั่นแตกต่าง นั่นแตกต่าง "ยกเว้นท่านทั้งหลายกินเนื้อหนังของบุตรมนุษย์ และดื่มโลหิตของท่าน ท่านทั้งหลายก็ไม่มีชีวิตในตัวพวกท่านเลย" "เพราะพระองค์ทรงเป็นแวมไพร์" ดูเถิดครับ เห็นไหมครับ? นั่นแตกต่าง พระองค์มิได้ทรงอธิบายมัน พวกเขาได้เห็นการปรากฏสำแดงแล้ว, การพิสูจน์พระวจนะของพระเจ้าว่าจริงสำหรับยุคของพระองค์ทำให้เป็นจริงและได้ทรงพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่า พระองค์ทรงเป็นทูตสวรรค์ของยุคนั้น และพระองค์มิได้ทรงอธิบายอะไร

พวกสาวกเหล่านั้นมิอาจจะได้รับการอธิบายเรื่องนั้นได้ แต่พวกเขาเชื่อมันไม่ว่าพวกเขาจะได้รับการอธิบายหรือไม่ก็ตาม พวกเขายังคงนั่งอยู่และเชื่อเรื่องนั้น พระองค์ทรงสามารถบอกพวกเขาว่าถ้าหากพวกเขากินเนื้อของพระองค์และดื่มโลหิตของพระองค์ได้อย่างไร? เหตุฉะนั้นมันเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะทำเรื่องนั้น แต่พวกเขาเชื่อพระองค์ เพราะพวกเขาได้รับการทรงแต่งตั้งไว้ พระเยซูได้ทรงกล่าวว่าพระองค์ทรงเลือกพวกเขาก่อนการทรงสร้างโลก เห็นไหมครับ? พวกเขาเชื่อพระองค์ ไม่ว่าพวกเขาสามารถอธิบายเรื่องนั้นได้หรือไม่ก็ตาม พวกเขายังคงเชื่อพระองค์

ทีนี้ให้จับตาดู! ตอนนี้ในคริสตจักรยุคที่เจ็ดเมื่อทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดเริ่มเป่าแตร ความลึกลับทั้งหลายของพระเจ้าได้ถูกทำให้เป็นที่รู้จัก ณ ที่นั่น ตราประทับทั้งหลายที่บรรดานักปฏิรูป.... มิได้เป็นพวกเขาที่มีเวลา.... ลูเทอร์ไม่ได้อยู่นานพอ, ไม่ทั้งเวสเลย์, ยุคต่างๆ ไม่ได้อยู่นานพอ พวกเขานักปฏิรูป พวกเขามีคำเทศนาของพวกเขาในยุคนั้น และคนทั้งหลายที่ได้รวบมันไปและได้ทำให้มันเป็นนิกาย และมันคืออะไรเล่าครับ?

พวกคุณมิอาจจะเคยเอาชนะธรรมชาติได้ ธรรมชาติมักจะเป็นพยานเสมอ พระเจ้าทรงดำเนินงานในความต่อเนื่องกับธรรมชาติ มันต้อง เหมือนกับดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า; มันเป็นทารกน้อยแรกเกิด มันอ่อนแอไม่มีความร้อนมากนักในมัน สิบโมงมันกำลังออกมาจากโรงเรียนมัธยม ตอนกลางวันมันกำลังเข้ามาในชีวิต บ่ายสามโมงในตอนบ่ายมันเริ่มจะแก่ ห้าโมงมันกำลังจะตาย, แก่และอ่อนแออีกครั้งหนึ่ง, กำลังจะกลับไปยังหลุมฝังศพ นั่นเป็นจุดจบของมันหรือ? มันขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในตอนเช้าของวันถัดไป เห็นไหมครับ?

ให้มองดูที่ต้นไม้ทั้งหลาย พวกมันผลิใบของพวกมันออกมาได้อย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกมันทำ ตอนนี้พวกเราพบว่าใบไม้ทั้งหลายร่วงหล่นจากต้นไม้, กลับไป อะไรเล่าครับ? ชีวิตลงไปยังรากของต้นไม้ นั่นเป็นจุดจบของมันหรือ? กลับมาในฤดูใบไม้ผลิฤดูหน้ากับชีวิตใหม่

ตอนนี้ให้จับตาดูคริสตจักรทั้งหลาย วิธีการที่มันได้ทำสิ่งเดียวกันในการปฏิรูป มันเกิดขึ้นมา เมล็ดข้าวสาลีตกลงไปในดินและตายไปภายใต้การกดขี่ข่มเหงในยุคมืด มันตกลงไปในดิน มันต้องตาย วิญญาณของคนหนึ่งคนใดอาจจะเห็นสิ่งนั้นได้ เว้นแต่เมล็ดพืชเมล็ดนั้นตายและเน่าเปื่อย มันอยู่ตามลำพัง และมันต้องตกลงไปในดินภายใต้ยุคมืด มันฝังอยู่ที่นั่น, เน่าเปื่อย และงอกออกมาในสองใบเล็กๆ ของคริสตจักรนิกายลูเทอแรน ออกจากคริสตจักรนิกายลูเทอแรนก็ผลิใบออกมามากขึ้น สวิงลีและและคนอื่นๆ จากสิ่งนั้นขึ้นมาเป็นพู่ ซึ่งก็คือ จอห์น เวสเลย์ ยุคมิชชันนารีที่ยิ่งใหญ่ มันได้ตกลงกลับไป ออกจากที่นั่นมาก็เป็นยุคแห่งการหลอกลวงคือ ยุคเพ็นเทคอสท์ เมล็ดข้าวสาลีเมล็ดนั้นที่....

มีใครที่นี่ที่เคยปลูกข้าวสาลีบ้างครับ? คุณมองดูที่ข้าวสาลีนั่น เมื่อคุณมองดูที่มัน.... เมื่อคุณออกไปที่นั่นและบอกว่า "ผมมีข้าวสาลี" คุณดูเหมือนว่าคุณมีข้าวสาลีที่นั่น ให้แกะมันออกมาใกล้ๆ และจับตาดู คุณไม่มีข้าวสาลีเลย คุณมีแต่เปลือก พระเยซูมิได้ทรงเตือนพวกเราในพระธรรมมัทธิว บทที่ 24 ข้อ 24 หรือว่า ในยุคสุดท้ายสองวิญญาณนั้นจะคล้ายกันมาก มันจะล่อ‍ลวงแม้ข้าวสาลีที่ได้รับการทรงเลือกสรรแล้วถ้าเป็นได้ เห็นไหมครับ? ตอนนี้จับตาดูครับ มันเป็นพาหะ

ตอนนี้ชีวิตที่เกิดขึ้นมาผ่านลูเทอร์เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดเวสเลย์ ชีวิตที่ออกมาจากเวสเลย์เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดเพ็นเทคอสท์ ชีวิตที่ออกมาจากเพ็นเทคอสท์ทำให้เกิดข้าวสาลี แต่พวกเขาเป็นพาหะ เห็นไหมครับ? ชีวิตจริงผ่านไปที่นั่น คำเทศนาผ่านไป แต่กระนั้นมันกำลังมุ่งหน้าขึ้นไปยังข้าวสาลี นั่นคือเหตุผลที่ข้าวสาลีงอกขึ้นมาและนำสิ่งทั้งหมดไปในการรับขึ้นไปที่นี่ที่ด้านบนสุดนั้น เจ้าสาวของพระคริสต์ออกมาในแต่ละยุคด้วยตนเอง นอกจากนั้นก้านของนิกายก็ตาย, แห้งเหี่ยวและตายไป

พวกคุณได้สังเกตเห็นยุคสุดท้ายนี้ว่ามันเริ่มจะดึงออกมาตอนนี้ได้อย่างไร? เมื่อข้าวสาลีต้นนั้นเริ่มจะเติบโต จากนั้นเปลือกเริ่มจะหลุดออกไปจากมัน

ให้มองย้อนกลับไปในข้าวสาลีต้นเล็กๆ นั้น เมื่อคุณมองดูที่มัน ให้ดึงมันเปิดออกมาอย่างนี้และมองดูข้างในมันและให้ดู คุณมีตาต้นไม้เล็กๆ ของข้าวสาลีข้างหลังที่นั่น คุณควรจะต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ที่ขยายสามสิบเท่าที่จะมองเข้าไปในมันเพื่อจะเห็นตาต้นไม้เล็กๆ ของข้าวสาลีข้างหลังที่นั่น เห็นไหมครับ? มันเป็นทางกลับไปในที่นั่น แต่มันเริ่มจะเจริญเติบโต ตอนนี้เปลือกนั้นต้องอยู่ที่นั่นเพื่อจะเป็นที่อยู่อาศัยของพวกนั้นเพื่อจะให้มันมีโอกาสผลิออกมา แต่จากนั้นเมื่อมันเริ่มจะเจริญเติบโตและคำเทศนาเริ่มแพร่กระจาย จากนั้นเปลือกหลุดออกไปจากมัน และชีวิตตรงออกไปจากเปลือกนั้นเข้าไปในข้าวสาลี ไปต่อ นั่นคือวิถีทางที่แต่ละยุคทำ มันมิอาจจะเอาชนะธรรมชาติได้ นั่นเป็นความต่อเนื่องของพระเจ้า วิถีทางที่พระองค์ทรงกระทำสิ่งทั้งหลาย

และตอนนี้นั่นเป็นในยุคที่พวกเรากำลังมีชีวิตอยู่ ณ ตอนนี้ คริสตจักรยุคที่เจ็ด

ทีนี้มันเป็นทั้งหมดที่ได้ปรากฏสำแดงในเมล็ดข้าวสาลีที่จุดสุดท้าย เมล็ดอื่นกลับมา.... ตอนนี้ถ้าหากคุณอ่านพระธรรมลูกา บทที่ 17 และข้อ 30 พระองค์ทรงกล่าวว่า "ดั่งที่มันเป็นในยุคเมืองโสโดม ดังนั้นจะเป็นในการเสด็จมาของบุตรมนุษย์ ในวัน‍ที่บุตร‍มนุษย์จะมาปรา‌กฏก็เป็นเหมือนอย่างนั้น" เปิดเผยสำแดงอะไร? กระทำให้การปรากฏของพระองค์ในสิ่งที่พระองค์ทรงเป็นในยุคนี้ ทรงปรากฏออกไปแก่พวกผู้คน พระวจนะที่ถูกกระทำให้เป็นที่รู้จักสำหรับยุคนั้น ปรากฏให้พวกผู้คนเห็นโดยการสำแดงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงกระทำให้พระเยซูทรงพระชนม์อยู่ท่ามกลางพวกเรา

และจำได้ไหมครับว่า พระองค์ทรงเป็นตัวแทนที่นั่นในมนุษย์-ผู้ชายคนหนึ่ง พระองค์ทรงกล่าวว่า "ดั่งที่มันเป็น" ตอนนี้พระองค์ทรงอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับเดียวกันกับที่พวกเราอ่าน พระธรรมปฐมกาล ตอนนี้พวกเราสังเกตไหมครับว่า ในพระธรรมปฐมกาลบทนั้นเมื่อพระเยซูทรงกำลังตรัสเกี่ยวกับเรื่องนี้

พวกเราพบว่าในการที่พระองค์ทรงหันกลับไปที่เต็นท์นั้นและนางซาร่าห์อยู่ในเต็นท์ พระองค์ตรัส พระองค์ทรงถามคำถามหนึ่ง และนางไม่เชื่อว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นจะเกิดขึ้นได้ พระองค์ทรงกล่าวว่า "ตอนนี้อับราฮัม เราจะมาเยี่ยมเยียนท่านทั้งหลายตามช่วงเวลาของชีวิต" และนางซาร่าห์อยู่ในเต็นท์หัวเราะเยาะ พระองค์ทรงกล่าวว่า "ทำไมนางซาร่าห์จึงหัวเราะในเต็นท์ กล่าวว่า 'สิ่งเหล่านี้จะสามารถเป็นได้อย่างไร?" พระเยซูทรงสัญญาและผู้นั้นทรงเป็นพระองค์ อับราฮัมเรียกพระองค์ว่า พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ผู้นั้นทรงเป็นพระองค์

ตอนนี้พระคัมภีร์ไบเบิลทำนายว่า มันจะกลับมาอีกครั้งหนึ่งในยุคสุดท้าย พระเยซูได้ทรงกล่าวไว้ดังนั้น และเมื่อคุณเห็นสิ่งเหล่านี้เริ่มจะเกิดขึ้น ให้จำไว้ เมื่อสิ่งนี้เริ่มจะเกิดขึ้นเหมือนอย่างนั้นแล้วคุณจะรู้ว่าเวลานั้นใกล้ที่ประตู

ให้มองดูที่โลกตัวมันของเอง มองดูที่โลก เมืองโสโดม ถ้าหากเคยมีเมืองโสโดม มองดูคนทั้งหลายที่ได้เขวไปในการนำไปในทางที่ผิดเช่นนั้น ความคิดของพวกเขาได้เขวไป พวกเขาไม่รู้สิ่งปกติธรรมดาสามัญคืออะไร มองดูที่พวกนอกกฎหมาย, พวกรักร่วมเพศ และพวกอื่นๆ ทุกสิ่งทุกอย่าง มองดูที่ผู้หญิงทั้งหลายของพวกเรา มันทำให้เกิดสิ่งที่ผิดศีลธรรม มองดูสิ่งที่ไม่ปกติธรรมดาที่ผิดศีลธรรมท่ามกลางผู้หญิงทั้งหลายของพวกเรา และไม่เพียงแต่.... ของพวกเรา คุณบอกว่า "นั่นเป็นเมธอดิสท์" นั่นเป็นเพ็นเทคอสท์ด้วย มันเป็นสิ่งทั้งหมด

มองดูที่ผู้ชายทั้งหลายของพวกเรา; พวกเขายึด.... แทนที่พระวจนะของพระเจ้า ประเพณีเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างของนิกายซึ่งพวกเขายึดถือบนมันแทนที่จะออกมาเมื่อพวกเขาเห็นพระเจ้าผู้ทรงกระทำให้พระองค์เองทรงเป็นที่รู้จักอย่างสมบูรณ์แบบ เหตุผลคือพวกเขาตาบอด พวกเขามิอาจจะมองเห็นมันได้ พวกเขาไม่เคยเห็นมัน

ตอนนี้ให้จับตาดูสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ในยุคนี้ ขณะที่พวกเรารีบเร่ง ผมคิดว่าสุภาพสตรีคนนั้นอยากจะให้พวกเราออกไป ผมเห็นนางกำลังส่ายมือของนาง, บางสิ่งบางอย่างหรือสิ่งอื่นๆ เกี่ยวกับนางอยากจะให้พวกเราออกไป ดังนั้นพวกเราจึงควรจะรีบเร่งดีกว่าครับ

ดังนั้นตอนนี้ให้สังเกตเอโนค แบบของคริสตจักร ที่นี่เขายังเป็นแบบในคริสตจักรยุคที่เจ็ดด้วย คุณอาจจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้ไหมครับ? คริสตจักรยุคที่เจ็ด.... สังเกตไหมครับ ที่เสียงของ....

มีกี่คนครับที่เชื่อว่า มีทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดสำหรับคริสตจักรทั้งเจ็ด...? โอ้ พวกเราทุกคนเชื่อเรื่องนั้นถ้าหากพวกเราเชื่อพระคัมภีร์ไบเบิล ถ้าหากพวกเราไม่เชื่อพระคัมภีร์ไบเบิล แน่นอนครับ (เห็นไหมครับ?) พวกเราไม่เชื่อเรื่องนั้น แต่ได้มี....

ตอนนี้พวกเรากำลังมีชีวิตอยู่ในคริสตจักรยุคที่เจ็ด และเมื่อพระคัมภีร์ไบเบิลได้กล่าวถึงคริสตจักรยุคที่เจ็ดนี้ ... เมื่อทูตสวรรค์ของคริสตจักรยุคที่เจ็ดเริ่มจะส่งเสียงคำเทศนาของเขา ความลึกลับของทุกสิ่งที่ได้ถูกบิดเบือนขึ้นลงตลอดยุคจะได้รับการเปิดเผยสำแดงในเวลานั้น และที่นี่พวกเราเห็น บุตรมนุษย์เสด็จมาในท่ามกลางประชากรของพระองค์และทรงกระทำการอย่างแม่นยำยืนยันคำเทศนาของพระองค์ ดั่งที่พระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ว่าพระองค์จะทรงกระทำ ที่นี่พวกเราพบมันอยู่ในยุคสุดท้ายนี้

ทีนี้.... และเจ็ดยาม เหมือนเจ็ดยาม พระองค์มิได้เสด็จมาในยามแรก, ที่สอง, ที่สาม, ที่สี่ แต่มาในยามที่เจ็ด นั่นคือเอโนคคนที่เจ็ดซึ่งได้ถูกรับขึ้นไป และโนอาห์เป็นแบบของคนที่เหลืออยู่ของชาวยิวที่จะดำเนินการต่อไป

ตอนนี้หลายครั้งในพระคัมภีร์ไบเบิล-กล่าวเกี่ยวกับยาม-คืนทั้งหลายนั้นมิได้ถูกแบ่งออกเป็นชั่วโมงในเวลาของพระคัมภีร์ไบเบิล

ทีนี้ฟังอย่างตั้งใจครับ เพราะว่าผมจะรีบเร่งตอนนี้เพราะพวกเขาต้องการห้องนี้) ไม่ครับ พระคัมภีร์ไบเบิลมิได้แบ่งออกจากกัน ... หรือกลางคืนมิได้ถูกแบ่งออกเป็นชั่วโมงในเวลาของพระคัมภีร์ไบเบิล; มันถูกแบ่งออกเป็นยาม

มีสามยาม ตอนนี้ยามแรกเริ่มตั้งแต่เวลา 9:00 น. ถึง 12:00 น; ยามที่สองเริ่มตั้งแต่ 12:00 น. ถึง 3:00 น. และยามที่สามของกลางคืนถูกนับตั้งแต่ 3:00 น. ถึง 6:00 น. ตอนนี้พวกเรามีสาม, สาม, สาม, ซึ่งเป็นเก้า จำนวนที่ไม่สมบูรณ์ จากนั้นพวกเราก็กลับมาที่เจ็ดสำหรับการรับขึ้นไป ซึ่งจะเกิดขึ้นผมเชื่อว่าระหว่าง 6:00 น. และ 7:00 น. ... หรือ, 6:00 น. และ 9:00 น. ตอนเช้าบางวัน สำหรับแตรของพระเจ้าจะส่งเสียง....

ในตอนเช้าวันนั้นที่สดใสและกระจ่าง

เมื่อพวกคนที่ล่วงหลับไปในพระคริสต์จะฟื้นขึ้น

และสง่าราศีของการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ทรงแบ่งปัน

เมื่อผู้ที่ได้รับการทรงเลือกของพระองค์จะรวมตัวกันเพื่อ

บ้านของพวกเขาบนท้องฟ้า,

เมื่อหนังสือม้วนได้ถูกเรียกขึ้นมาที่โน่น, ข้าฯ จะอยู่ที่นั่น

คำว่า "การรับขึ้นไป" ในพระคัมภีร์ไบเบิลมิเคยได้ถูกใช้เลย พวกเราเพียงแค่ใส่คำนั้นที่นั่น พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า "รับขึ้นไป, จะถูกรับขึ้นไป" พวกเราอ่านที่นี่ในพระธรรม 2 เธสะโลนิกา หรือ 1 เธสะโลนิกา มันเป็นคำสั่งของการรับขึ้นไปที่ยิ่งใหญ่นี้ที่จะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย ให้ฟังข้อนี้ที่นี่ครับ พวกเรากำลังจะเริ่มที่นี่ด้วยข้อที่ 13

... ข้าพเจ้าไม่อยากให้พวกท่าน... ขาดความรู้ถึงเรื่องคนเหล่านั้นที่ล่วง‍หลับไปแล้ว เพื่อพวกท่านจะไม่เสียใจ เหมือนอย่างคนอื่นๆ ซึ่งไม่‍มีความหวัง  

เพราะถ้าพวกเราเชื่อว่า... พระ‍เยซูทรงสิ้น‍พระ‍ชนม์และทรงคืน‍พระ‍ชนม์แล้ว... โดยพระ‍เยซูนั้น พระ‍เจ้าจะทรงนำบรร‌ดาคนซึ่งล่วง‍หลับไปแล้วนั้นมากับพระ‍องค์

ตาม... พระ‍วจนะของพระ‍เจ้า พวกเราขอบอกพวก‍ท่านข้อนี้ว่า พวกเราที่ยังเป็นอยู่และรอคอยพระ‍เจ้าเสด็จมา จะล่วง‍หน้าไปก่อนก็หามิได้ [หรือคำว่า ล่วงหน้าไปก่อนก็หามิได้ หมายถึง "ขัดขวาง"] พวกคนเหล่านั้นซึ่งล่วงหลับไป

สำหรับพระเจ้าพระองค์เองจะเสด็จมา [ตอนนี้ฟังชัดๆ] ... พระเจ้าพระองค์เองจะเสด็จมาจากสวรรค์กับเสียงโห่ร้อง และเสียงของหัวหน้าทูตสวรรค์ และ ... เสียงแตรของพระเจ้า และพวกคนซึ่งล่วงหลับไปแล้วในพระ‍คริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน

ตอนนี้ผมอยากจะให้คุณสังเกตเห็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่ได้เกิดขึ้นที่นี่ตอนนี้ อย่าพลาดเรื่องนี้ เห็นไหมครับ? ตอนนี้สังเกตไหมครับว่า พระวจนะกล่าวที่นี่ในพระธรรม 2 เธสะโลนิกา ว่า มีสามสิ่ง.... สังเกตไหมครับ จากข้อที่ 13 ถึงข้อที่ 16 มีสามสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นก่อนที่พระเจ้าพระองค์เองทรงปรากฏ (อย่างรวดเร็วตอนนี้เพื่อให้พวกเราสามารถปิดการประชุมได้ เห็นไหมครับ?) สิ่งแรกที่เกิดขึ้น, สังเกตไหมครับ: เสียงกู่ก้อง, สำเนียงของเทพบดี, เสียงแตรของพระเจ้า ให้พวกเราอ่านตอนนี้ และดูว่าถ้าหากข้อนั้นใช่ เห็นไหมครับ?

คือว่าพระเจ้า [ข้อ 16] จะเสด็จลงมาจากสวรรค์ด้วยเสียงกู่ก้องและสำเนียงของเทพบดีและ... เสียงแตรของพระ‍เจ้า

สามสิ่งที่เกิดขึ้น; สำเนียงของเทพบดี ... เสียงกู่ก้อง, สำเนียงของเทพบดี, เสียงแตรของพระเจ้า ต้องเกิดขึ้นก่อนที่พระเยซูจะทรงปรากฏ ตอนนี้เสียงกู่ก้อง พระเยซูทรงกระทำสามสิ่งของพวกมันทั้งหมดเมื่อพระองค์เสด็จลงมา "เสียงกู่ก้อง" "เสียงกู่ก้อง" คืออะไร? มันคือคำเทศนาที่ล่วงหน้าไปก่อน ขนมปังแห่งชีวิตที่มีชีวิตล่วงหน้าไปก่อนเจ้าสาวของพระคริสต์

ตอนนี้พระเจ้าทรงมีหนทางของการกระทำสิ่งทั้งหลาย และพระองค์มิเคยทรงเปลี่ยนแปลงนโยบายของพระองค์ พระองค์มิเคยทรงเปลี่ยนแปลง... ของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ไม่ทรงเปลี่ยนแปลง ในพระธรรมอาโมส บทที่ 3 ข้อที่ 7 พระองค์ได้ทรงกล่าวว่า พระองค์‍จะมิได้ทรงกระทำอะไรเลย โดยมิได้เปิด‍เผยความลึก‍ลับ ให้แก่ผู้‍รับ‍ใช้ของพระ‍องค์ และเหมือนกับสิ่งนั้นๆ ที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ พระองค์จะทรงกระทำมัน

ตอนนี้พวกเราได้ผ่านยุคของคริสตจักรทั้งหลายมาตลอด นอกจากนั้นพวกเราได้รับพระสัญญาในยุคสุดท้ายตามพระธรรมมาลาคี บทที่ 4 ว่าจะมีการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ผู้เผยพระวจนะผู้หนึ่งในแผ่นดิน นั่นถูกต้องครับ! ให้สังเกตธรรมชาติของเขาและสิ่งที่เขาจะเป็นเหมือน พระเจ้าทรงใช้วิญญาณนั้นห้าครั้ง: ครั้งหนึ่งในเอลียาห์, ในเอลีชา, และยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา, การทรงเรียกออกมาจากคริสตจักร และพวกคนที่เหลือของชาวยิว; ห้าครั้ง, พระคุณ, J-e-s-u-s, f-a-i-t-h และมันเป็นเลขแห่งพระคุณ เห็นไหมครับ? ตกลงครับ

ตอนนี้จำได้ไหมครับว่า คำเทศนาได้ถูกสัญญาไว้ และเมื่อความลึกลับเหล่านี้ทั้งหมดได้ผิดพลาดขึ้นมาจากกลุ่มปัญญาจารย์ มันจะนำผู้เผยพระวจนะโดยตรงมาจากพระเจ้าที่จะเปิดเผยสำแดงมัน และนั่นคือสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ว่าจะทรงกระทำอย่างแน่นอน เห็นไหมครับ?

ตอนนี้จำได้ไหมครับว่า พระวจนะของพระเจ้ามาถึงผู้เผยพระวจนะท่านนั้น, ไม่ใช่นักศาสนศาสตร์ท่านนั้น, ผู้เผยพระวจนะท่านนั้น เขาเป็นภาพสะท้อนของพระวจนะพระเจ้า เขามิอาจจะพูดสิ่งใดได้ เขามิอาจจะพูดความคิดของเขาเองได้ เขาอาจจะพูดสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยสำแดงเท่านั้น แม้แต่ผู้เผยพระวจนะบาลาอัมเมื่อเขาพยายามที่จะขายสิทธิ์ของเขา; เขากล่าวว่า "ผู้เผยพระวจนะผู้ใดสามารถพูดอะไรได้นอกจากสิ่งที่ทำให้พระเจ้าใส่ในปากของเขา?" มันเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำที่คุณมิอาจจะพูดอะไรอย่างอื่นได้ และคุณได้เกิดมาอย่างนั้น

ไม่เกินกว่าคุณอาจจะ....

ถ้าหากคุณอาจจะบอกว่า "ผมไม่สามารถเปิดตาของผม" เมื่อคุณกำลังมองอยู่ เห็นไหมครับ? คุณสามารถ คุณมิอาจจะเอื้อมมือของคุณได้เมื่อคุณสามารถ เห็นไหมครับ? คุณมิอาจจะเป็นสุนัขได้เมื่อคุณเป็นมนุษย์ เห็นไหมครับ? คุณได้รับการทรงสร้างมาแบบนั้น และพระเจ้าทรงมี ... เสมอในทุกยุคสมัยตลอดมา อิสยาห์, เยเรมีย์และทุกคน ... เอลียาห์ และทุกยุคล่วงไปแล้ว เมื่อกลุ่มปัญญาจารย์จะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างผสมปนเปกันขึ้นมาทั้งหมด พระองค์จะทรงใช้ผู้เผยพระวจนะ, ทรงยกเขาขึ้นมาจากไม่มีที่ใดเลย เขาอาจจะไม่อยู่ในสถานการณ์ทั้งหลายของพวกเขา และกล่าวถ้อยคำของพระองค์ ได้เรียกออกมาในฉากนั้นและหายไป เพียงแค่พวกคนที่ห้าวหาญแห่งความจริงของพระเจ้า

และมันมักจะ.... เสมอ วิธีการที่คุณอาจจะบอกเขาได้ พระองค์ตรัสว่า "ถ้าจะมีผู้หนึ่งในพวกท่านที่เป็นฝ่ายวิญญาณหรือผู้เผยพระวจนะ...."

ตอนนี้ผู้เผยพระวจนะ.... มีสิ่งดังกล่าวเป็นของประทานของการเผยพระวจนะในคริสตจักร แต่ผู้เผยพระวจนะได้รับการทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าและได้รับการทรงแต่งตั้งไว้ล่วงหน้าสำหรับเวลานั้น เห็นไหมครับ? ใช่ครับท่าน

ตอนนี้ถ้าหากคำเผยพระวจนะล่วงหน้าออกไป สองหรือสามคนต้องนั่งและพิพากษาไม่ว่าจะถูกหรือไม่ก่อนที่คริสตจักรจะได้รับมัน แต่ไม่มีใครได้ถูกตั้งไว้ต่อก่อนผู้เผยพระวจนะ เพราะว่าเขาเป็นพระวจนะของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ เขาเป็นพระวจนะในยุคของเขา เขาได้เห็นพระเจ้าทรงสะท้อน...

ตอนนี้ถ้าหากพระเจ้าได้ทรงสัญญาว่าจะทรงส่งผู้นั้นให้แก่พวกเราอีกครั้งหนึ่งในยุคสุดท้ายเพื่อจะนำเจ้าสาวของพระคริสต์ออกมาจากความเละเทะของพวกปัญญาจารย์ และวิธีการเดียวที่มันจะถูกกระทำให้สำเร็จได้

มันจะถูกกระทำให้สำเร็จมิได้.... คริสตจักรมิอาจจะรับพระคริสต์ได้ เพ็นเทคอสท์, พวกเรามิอาจจะรับคำเทศนาเรื่องนี้ในสภาพของคริสตจักรที่เป็นอยู่ในยุคนี้ พวกเราจะดำเนินการต่อไปในยุคสุดท้ายในสภาพที่พวกเขาเป็นอยู่ในยุคนี้ได้อย่างไร เมื่อทุกคนต่อต้านคนอื่น และทุกสิ่งทุกอย่างอื่นๆ และเกี่ยวกับของปัญญาจารย์? โอ้ ขอทรงเมตตาเถิด มันเหลวแหลก มันถูกทำให้หายเข้าไปในนิกายทั้งหลาย และทุกครั้ง ผมถามนักประวัติศาสตร์คนไหนก็จะพูดแตกต่างกัน ทุกครั้งที่คำเทศนาได้ออกไปในแผ่นดินโลกและเมื่อพวกเขาได้จัดตั้งมันขึ้นมา มันก็ตายไป ณ ที่นั่น และเพ็นเทคอสท์ได้ทำสิ่งเดียวกันกับที่พวกเขาทั้งหมดได้ทำ-เพ็นเทคอสท์ที่ออกมา

คุณแอสเซมบลีย์ อ๊อฟ ก๊อด เมื่อบิดาและมารดาทั้งหลายของคุณได้ออกมาจากพวกเขาองค์กรทั้งหลายกลับไปที่นั่นในสภาสามัญเก่า ได้โห่ร้องและได้สรรเสริญพระเจ้าและได้พูดต่อต้านสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น และคุณกลายเป็นเหมือนสุนัขที่กลับไปหาอาเจียนของมัน และหมูที่หลงระเริงกับโคลนตมของมัน และได้ทำในสิ่งเดียวกันกับที่พวกเขาได้ทำ; และตอนนี้เป็นเหมือนพวกปัญญาจารย์อย่างมาก คุณปิดลำไส้ของความเห็นอกเห็นใจของคุณขึ้นมา และคุณต้องมีบัตรสามัคคีธรรมก่อนที่คุณจะสามารถแม้แต่เชื่อมโยงกับคุณได้อย่างยากลำบาก

และคุณวันเนส พระเจ้าได้ประทานคำเทศนาเหมือนอย่างนั้น และแทนที่คุณจะไปข้างหน้าและให้เก็บรักษาความถ่อมใจต่อไปและดำเนินไปข้างหน้า คุณจะต้องยืดหยุ่นและจัดตั้งกลุ่มของคุณ และพวกคุณทั้งหมดอยู่ที่ไหนเล่าครับ? ถังเดียวกัน นั่นแน่นอนครับ! และพระวิญญาณของพระเจ้าทรงกำลังเคลื่อนไป "เราคือพระเจ้า เป็นผู้ปลูก เราจะรดน้ำมันทั้งกลางวันและกลางคืน เกรงว่าผู้หนึ่งผู้ใดจะ ...

พระองค์ได้ทรงแต่งตั้งสิ่งเหล่านี้ให้เป็นและพระองค์ต้องทรงใช้สิ่งนี้มา

สิ่งแรกมาถึงเมื่อพระองค์เริ่มเสด็จลงมาจากสวรรค์, มีเสียงกู่ก้อง! มันคือสิ่งใด? มันเป็นคำเทศนาที่จะรวบรวมคนทั้งหลายเข้ามาไว้ด้วยกัน คำเทศนาล่วงหน้าไปก่อน ตอนนี้ "เวลาตกแต่งตะเกียง จงลุกขึ้นและตกแต่งตะเกียงของท่านทั้งหลาย" นั่นเป็นยามใดเล่าครับ? ยามที่เจ็ด, ไม่ใช่ที่หก, ที่เจ็ด "เจ้าบ่าวมาแล้ว จงลุกขึ้นและตกแต่งตะเกียงของท่านทั้งหลาย" และพวกเขาได้ทำ พวกเขาบางคนพบว่าพวกเขามิได้มีแม้แต่น้ำมันใดๆ ในตะเกียงของพวกเขาเลย เห็นไหมครับ? แต่กระนั้นมันเป็นเวลาตกแต่งตะเกียง มันเป็นเวลาของพระธรรมมาลาคี บทที่ 4 สิ่งที่พระองค์ทรง... มันเป็นพระธรรมลูกา บทที่ 17, มันเป็นพระธรรมอิสยาห์... คำเผยพระวจนะเหล่านั้นทั้งหมดที่อาจจะตั้งไว้อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับยุคนี้ในข้อพระคัมภีร์ทั้งหลาย พวกเราเห็นมันดำรงอยู่ ณ ที่นั่น ไม่มี....

เห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นไหมครับ พี่น้องชายหญิงที่รักของผม เมื่อพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ทรงรู้ว่า ผมอาจจะตายบนเวทีนี้ ณ เวลานี้ได้ พวกคุณน่าจะเดินไปรอบๆ สักครู่หนึ่ง มันก็แค่.... มันน่าเกรงขาม เมื่อพวกคุณเห็นพระเจ้าเสด็จมาจากฟ้าสวรรค์ ทรงยืนอยู่ต่อหน้าพวกกลุ่มคนทั้งหลาย และทรงยืนอยู่ที่นั่น ทรงประกาศพระองค์เองดั่งที่พระองค์ได้ทรงเคยกระทำ และนั่นคือความจริง และพระคัมภีร์ไบเบิลเล่มนี้เปิดออก เห็นไหมครับ? พวกเราอยู่ที่นี่!

และระบบนิกายตายแล้ว มันจบไปแล้ว มันจะไม่ลุกขึ้นมาอีก มันจะถูกเผา นั่นเป็นสิ่งที่คุณทำกับแกลบบนท้องทุ่ง ให้หนีไปจากมัน เข้าไปในพระคริสต์ อย่าบอกว่า "ผมเป็นสมาชิกของเมธอดิสท์!"; "ผมเป็นสมาชิกของแบ๊บติสต์!"; "ผมเป็นสมาชิกของเพ็นเทคอสท์l!" ให้คุณเข้าไปในพระคริสต์ และถ้าหากคุณอยู่ในพระคริสต์ จึงไม่มีถ้อยคำที่ถูกเขียนไว้ในที่นี่นอกจากสิ่งที่คุณเชื่อ ผมไม่สนใจสิ่งที่คนอื่นพูด และจากนั้นพระเจ้าจะทรงกระทำให้สิ่งนั้นให้เป็นที่ปรากฏสำแดง เพราะว่าคุณ.... เมื่อพระองค์ทรงเทพระวิญญาณมาบนพระวจนะ เกิดอะไรขึ้นเล่าครับ? เหมือนกับการรดน้ำบนเมล็ดพืชอื่นๆ มันจะมีชีวิต และมันจะเกิดเป็นชนิดของมันออกมา

คุณบอกว่า "ผมได้รับบัพติศมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์" นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณได้รับความรอด ไม่ใช่โดยหนทางที่ยาวไกล

มองดูที่นี่ คุณเป็นมนุษย์สามส่วน คุณเป็น.... ภายในคนเล็กๆ คนนี้ที่นี่เป็นจิตใจ, ต่อไปเป็นวิญญาณ, และต่อไปเป็นร่างกาย ตอนนี้คุณมีประสาทสัมผัสทั้งห้าในร่างกายนี้เพื่อติดต่อวิหารฝ่ายโลกของคุณ พวกมันไม่ได้ติดต่อส่วนที่เหลือของมัน คุณมีประสาทสัมผัสทั้งห้าของวิญญาณที่นี่, รักและจิตสำนึกและอื่นๆ เหมือนอย่างนั้น แต่ในที่นี่เป็นสถานที่ซึ่งคุณอยู่ นั่นคือสิ่งที่คุณเป็น

พระเยซูมิได้ทรงกล่าวหรือว่า ให้ฝนตกแก่คนชอบธรรมและคนอธรรม? นำต้นตีนตุ๊กแกออกมาที่นี่และข้าวสาลีออกไปที่นั่น และรดน้ำพวกมัน และดูแลรักษาพวกมันด้วยปุ๋ยและสิ่งทั้งหลายเหมือนอย่างนั้น พวกมันทั้งสองจะไม่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยน้ำแบบเดียวกันหรือ? แน่นอนครับ! ดีล่ะครับ มันคืออะไร? ต้นหนึ่งของพวกมันจะเป็นต้นตีนตุ๊กแก เพราะนั่นคือทั้งหมดที่มันเป็น ต้นตีนตุ๊กแกจะยกมือของมันขึ้นมาและโห่ร้องเหมือนกับข้าวสาลี

พระคัมภีร์ไบเบิลมิได้กล่าวหรือว่า ในยุคสุดท้ายจะมีพวกพระคริสต์เทียมเท็จมา มิใช่พระเยซูเทียมเท็จตอนนี้ พวกพระคริสต์เทียมเท็จ พวกผู้ได้รับการเจิม ได้รับการเจิมเทียมเท็จมายังพระวจนะ นิกายที่ได้รับการเจิมแต่มิใช่สำหรับพระวจนะ เพราะพระวจนะจะเป็นพยานของตนเอง ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งอื่นใด มันจะเป็นพยานให้กับตนเอง และจะมีพวกผู้ได้รับการเจิมเทียมเท็จมา พวกคุณมีเทปเรื่องนั้นของผม และนั่นเจิม.... โอ้ ถ้าหากคุณอยากจะเรียกผู้หนึ่งและบอกว่า "โอ้ คุณเป็นพระเยซูหรือ?" "โอ้ ไม่ใช่แน่นอน!" พวกเขาจะทนไม่ได้กับสิ่งนั้น แต่เมื่อมันมาถึง "โอ้ พระสิริ ผมได้การเจิม...." และมันเป็นการเจิมแท้

จำได้ไหมครับว่า คายาฟาสก็มีมันด้วยและได้เผยพระวจนะ ดังนั้นบาลาอัมมีมันและได้เผยพระวจนะ แต่กระนั้นสิ่งนั้นไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับภายในสิ่งนี้ เว้นแต่ว่าเป็นพงศ์พันธุ์ของพระเจ้า ยีนของพระองค์จากปฐมกาล, ได้รับการทรงกำหนดไว้ล่วงหน้า คุณเสร็จสิ้นแล้ว ผมไม่สนใจว่าคุณตะโกน, พูดภาษาแปลกๆ, วิ่ง, โห่ร้องมากแค่ไหน นั่นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับมัน ผักกระชับอาจจะตะโกนได้มากเท่ากับส่วนที่เหลือของพวกมัน ผมเคยเห็นพวกหัวแข็งยืนขึ้น และตะโกน และพูดภาษาแปลกๆ และดื่มเลือดที่ออกมาจากกะโหลกศีรษะของมนุษย์ และเรียกพวกวิญญาณชั่ว เห็นไหมครับ? ดังนั้นพวกคุณจึงไม่ต้องการให้คนไหนของพวกเขาการสัมผัสและสิ่งทั้งหลาย ให้ลืมมันไป มันเป็นใจของคุณในพระวจนะ และนั่นคือพระเยซูคริสต์ นำมันมาไว้ในที่นั่น และจับตาดูมันทำให้ตัวของมันเองเป็นที่รู้จักเพียงที่จะเปิดขึ้นมาเหมือนเมล็ดพืชอื่นๆ และประกาศตนเองในยุคที่มันดำรงอยู่

ลูเทอร์สามารถนำสิ่งใดมาได้นอกจากก้านทั้งหลาย พวกคนอื่นๆ เหล่านี้อาจจะนำสิ่งอื่นๆ เหล่านี้มาได้ ตอนนี้พวกเราอยู่ในยุคข้าวสาลี ลูเทอแรน, ลูเทอแรนแท้ต้องนำลูเทอแรนแท้ออกมา เพ็นเทคอสท์แท้ต้องนำเพ็นเทคอสท์แท้ออกมา นั่นแหล่ะครับ แต่กระนั้นพวกเราได้ผ่านยุคนั้นมาแล้วและกำลังไปต่อ

พวกคุณรู้ไหมครับว่า คริสตจักรคาทอลิกได้เริ่มต้นมาจากเพ็นเทคอสท์? และถ้าหากคริสตจักรเพ็นเทคอสท์จะยืนหยัดมาสองพันปี มันอาจจะมีรูปร่างเลวร้ายยิ่งกว่าสิ่งที่พวกคาทอลิกเป็นอยู่ตอนนี้ นั่นแน่นอนครับ! ตอนนี้ผมบอกเรื่องนั้นแก่พวกพี่น้องของผมและพวกพี่น้องหญิงของผมที่ผมรัก และพระเจ้าทรงทราบเรื่องนั้น แต่จำได้ไหมครับว่า เพื่อนๆ ผมต้องได้พบกับพวกคุณที่โน่นที่การพิพากษา และนั่นอาจจะไม่นานนัก ผมต้องเปิดเผยบันทึกของสิ่งที่เป็นความจริง

ตอนที่ผมได้ออกไปในการประชุมต่างๆ กับพวกคุณด้วยการอธิษฐานเผื่อผู้คนที่เจ็บป่วย มันก็ดีครับ แต่กระนั้นเมื่อผมมาพร้อมกับคำเทศนา.... ถ้าหากคำเทศนาใดๆ ล่วงออกไปก่อน ถ้าหากมันเป็นคำเทศนาที่จริง ถ้าหากมันเป็นการอัศจรรย์แท้จริงของพระเจ้า และแขวนอยู่ในองค์กรนั้น พวกคุณรู้ไหมครับว่ามันไม่ได้เป็นของพระเจ้า  เพราะว่าสิ่งนั้นได้ถูกประกาศแล้ว พระเยซูได้เสด็จออกไปและได้ทรงเยียวยารักษาโรคผู้คนที่เจ็บป่วยเพื่อที่จะจับสายตาของคนทั้งหลาย จากนั้นก็คำเทศนาของพระองค์ นั่นใช่ครับ!  มันจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่พระเจ้าจะทรงแนะนำ การเยียวยารักษาโรคของพระเจ้าคือ ... การอัศจรรย์ทั้งหลายเหมือนที่เพิ่งเป็นที่จับตามองของคนทั้งหลาย หัวใจหลักของมันคือคำเทศนา มีสิ่งใด มันเป็นสิ่งที่มาจากในที่นี่ พระองค์ทรงกำลังพยายามที่จะได้รับความโปรดปรานของคนทั้งหลายเพื่อที่พวกเขาจะตั้งใจและฟังพระองค์ เห็นไหมครับ? เพราะมีบางอย่างในที่นั่นที่ได้ถูกกำหนดไว้ให้มีชีวิต และบางส่วนของข้าวสาลีตกลงบนดินและพวกนกได้จิกมันขึ้นมา และอื่นๆ ที่ตกลงในพงหนาม และบางคนก็ไปอยู่บนดินที่ถูกตระเตรียมไว้ ก่อนตระเตรียมดิน และได้นำออกมา

ตอนนี้ประการแรกคือ การเป่า-หรือสิ่งแรกคือแตร หรือสำเนียงของเทพบดี-เสียงกู่ก้อง และจากนั้นสำเนียงของเทพบดี และจากนั้นเสียงแตร เสียงกู่ก้อง ทูตสวรรค์กำลังตระเตรียมคนทั้งหลายให้พร้อม ประการที่สองคือเสียงแห่งการฟื้นคืนชีพ เสียงเดียวกัน เสียงดังในพระธรรมยอห์น บทที่ 11 ข้อ 38 และ 44 ที่เรียกลาซารัสออกมาจากหลุมฝังศพ การรวบรวมเจ้าสาวของพระคริสต์เข้ามาด้วยกัน และจากนั้นการฟื้นขึ้นมาของพวกที่ล่วงหลับไปแล้ว (เห็นไหมครับ?) จะถูกรับขึ้นไปกับมัน ตอนนี้ให้จับตาดูสามสิ่งที่เกิดขึ้น

ถัดไปคืออะไร? เป็นเสียงแตร สำเนียงของเทพบดี-เสียงกู่ก้อง, สำเนียงของเทพบดี, เสียงแตร

ตอนนี้ประการที่สามคือ เสียงแตร ซึ่งมักจะอยู่ในงานเลี้ยงของพวกเสียงแตรเสมอจะเรียกคนทั้งหลายมายังงานเลี้ยงนั้น และนั่นจะเป็นงานเลี้ยงอภิเษกสมรสของเจ้าสาวของพระคริสต์, งานเลี้ยงอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกกับเจ้าสาวของพระคริสต์ในท้องฟ้า

เห็นไหมครับ ประการแรกที่ล่วงหน้าไปก่อนคือ คำเทศนาของพระองค์การทรงเรียกเจ้าสาวของพระคริสต์ให้เข้ามาด้วยกัน ประการต่อไปคือ การฟื้นคืนชีพของเจ้าสาวของพระคริสต์ที่ล่วงหลับไปแล้ว พวกคนที่ตายไปแล้วในยุคอื่นๆ พวกเขาถูกนำมารวมเข้าด้วยกัน และเสียงแตร และงานเลี้ยงฉลองในฟ้าสวรรค์-ในท้องฟ้า เหตุฉะนั้นนั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อนทั้งหลายเอ๋ย

พวกเราอยู่ ณ ที่นั่นพร้อมแล้วตอนนี้ สิ่งเดียวเท่านั้นคือการออกมาของคริสตจักรจะต้องวางไว้ต่อหน้าดวงอาทิตย์เพื่อจะสุกงอม การรวมกันอันยิ่งใหญ่จะมาถึงหลังจากสักครู่หนึ่ง ข้าวสาลี ... จะถูกเผาไหม้, ก้านทั้งหลาย แต่เมล็ดข้าวจะถูกรวบรวมไว้ในยุ้งฉางของมัน เห็นไหมครับ?

พวกคุณไม่ใช่พวกคนตาบอด พวกคุณเป็นพวกคนที่รู้สึกสัมผัสได้และถ้าหากผมได้ยืนอยู่ที่นี่และกล่าวว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นอุปาทาน.... ผมพูดเรื่องนั้นเพราะว่ามันคือชีวิต เพราะผมมีความรับผิดชอบต่อพระเจ้าสำหรับการพูดเรื่องนั้น และผมต้องพูดเรื่องนั้น และคำเทศนาของผม.... ด้วยการรู้ตลอดเวลากลับไปที่นั่นภายใต้การเยียวยารักษาโรคและสิ่งอื่นๆ เหมือนอย่างนั้นก็เป็นเพียงเพื่อจะดึงดูดความสนใจของคนทั้งหลายด้วยการรู้ว่าคำเทศนาที่จะมา และนี่มันเป็น

และตราประทับทั้งเจ็ดได้เปิดออก ความลึกลับเหล่านั้นและการแสดงสิ่งเหล่านั้นให้เห็นได้เป็นสิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้ว ผมไม่รู้เรื่องนั้นครับ แต่มีคนหลายคนได้ยืนอยู่ ณ ที่นี่ ตอนนี้กำลังยืนอยู่ที่นี่กับผมเมื่อพวกคุณทุกคนฟังผมเทศนาคำเทศนาเรื่องนั้น เรื่อง "ท่านทั้งหลาย มันเป็นเวลาอะไร?" และตอนเช้าวันนั้นอย่างแน่นอนสถานที่ซึ่งมันได้กล่าวไว้ว่ามันจะเป็น มีทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดทรงยืนอยู่ ณ ที่นั่นจากสวรรค์ และเมื่อพวกเขาได้ขึ้นไป และลมหมุนนั้นได้นำพวกเขาขึ้นไปอยู่ที่นั่น พวกเรากำลังยืนอยู่ กำลังมองดูอยู่ขณะที่พวกเขาได้ออกไป วิทยาศาสตร์ได้ถ่ายภาพของมันไว้ตลอดทางทั่วประเทศ ลงไปในเม็กซิโก

และที่นั่นเมื่อผมกำลังมองดูอยู่....

วันหนึ่งเมื่อผมเริ่มจะเทศนาเรื่องเหล่านี้คริสตจักรทั้งเจ็ดยุค และผมได้เรียก แจ็ค มัวร์ นักศาสนศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่, ผมบอกว่า "แจ็ค ผู้นี้คือใครที่กำลังยืนอยู่ที่นั่น 'มีผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์ทรงกำลังยืนอยู่ที่นั่น ผมเป็นสีขาวเหมือนดั่งสำลี'" ผมบอกว่า "เขาเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาจะมีผมสีขาวเหมือนดั่งสำลีได้อย่างไร?"

เขาบอกว่า "บราเดอร์บรานฮาม นั่นคือ พระกายแห่งพระสิริของพระองค์" นั่นมิได้กดกริ่ง แต่เมื่อผมได้เข้าไปในห้องพักและได้เริ่มอธิษฐาน พระองค์ทรงอนุญาตให้ผมรู้ได้ว่ามันคืออะไร

เห็นไหมครับ ผมได้เทศนามาเสมอว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า มิใช่ทรงเป็นเพียงแค่คนๆ หนึ่ง พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ปรากฏสำแดงในเนื้อหนัง, พระเจ้า, พระลักษณะของความรักของพระเจ้า, พระลักษณะอันดีเลิศทั้งหลายของพระเจ้าที่เสด็จลงมาปรากฏบนโลกที่นี่ พระเยซูทรงเป็นความรักของพระเจ้า ซึ่งได้ทรงสร้างพระกายๆ หนึ่งที่พระยาเวห์พระองค์เองได้ทรงประทับอยู่ข้างใน พระองค์ทรงเป็นความไพบูลย์ของพระกายพระเจ้า สิ่งที่พระเจ้าทรงเป็น พระองค์ได้ทรงปรากฏสำแดงผ่านพระกายนั้น พระกายนั้นต้องสิ้นพระชนม์เพื่อพระองค์จะทรงสามารถชำระเจ้าสาวของพระคริสต์ได้ด้วยพระโลหิตของพระองค์

และสังเกตไหมครับว่า ไม่ใช่เพียงแค่เจ้าสาวของพระคริสต์ที่ได้รับการชำระ, ได้รับการยกโทษให้อภัยเท่านั้น แต่นางชอบธรรม เห็นไหมครับ? คุณเคยลองหาคำว่า "ชอบธรรม" ไหมครับ เพื่อจะดูว่ามันหมายถึงอะไร? ตอนนี้ตัวอย่างเช่น ถ้าหากว่าบราเดอร์กรีนได้ยินมาว่าผมได้ดื่มสุรา ผมได้ทำสิ่งที่ไม่ดีมา จากนั้นเขาพบว่าผมไม่ได้ทำมัน จากนั้นเขาจะมาบอกว่า "ผมยกโทษให้อภัยท่าน บราเดอร์บรานฮาม"

"ท่านยกโทษให้อภัยผมหรือครับ? ผมมิเคยได้ทำมัน ท่านยกโทษให้อภัยผมเกี่ยวกับอะไรเล่าครับ? "เห็นไหมครับ? แต่ถ้าหากผมผิด ดังนั้นผมสามารถได้รับการยกโทษให้อภัย แต่กระนั้นผมยังคงมิอาจจะชอบธรรมได้ เพราะผมได้ทำมันแล้ว แต่คำว่า "ชอบธรรม" คือ "เสมือนว่าคุณมิเคยได้ทำมันเลย"–ชอบธรรม และจากนั้นพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ทรงชำระพวกเราให้สะอาดเพื่อให้พ้นจากบาปทั้งสิ้น จนกระทั่งมันถูกใส่ไว้ในหนังสือแห่งความหลงลืมของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ทรงสามารถกระทำมันได้ พวกเราอาจจะยกโทษให้อภัยได้ แต่ไม่ลืม

ผมอาจจะยกโทษให้อภัยคุณได้ แต่ผมมักจะจำได้เสมอว่าคุณได้ทำสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายเหล่านี้ ดังนั้นคุณจะไม่ชอบธรรม แต่คุณจะได้รับการยกโทษให้อภัย แต่ในสายพระเนตรของพระเจ้า เจ้าสาวของพระคริสต์นั้นชอบธรรม นางมิเคยได้ทำมันในครั้งแรก อาเมน ด้วยการยืนอยู่ที่นั่นในงานอภิเษกสมรสกับพระบุตรผู้ทรงคุณธรรมของพระเจ้า มิเคยทรงกระทำบาปตั้งแต่ในตอนแรก ทำไมเล่าครับ? นางได้รับการทรงแต่งตั้งไว้ล่วงหน้า นางได้ตกหลุมพรางเข้าไปในเรื่องนี้ และตอนนี้เมื่อนางได้ยินความจริงและล่วงหน้าไป พระโลหิตได้ทรงชำระนางให้สะอาด และนางยืนอยู่ที่นั่นได้อย่างมีคุณธรรม เห็นไหมครับ? ไม่มีความผิดบาปอยู่ในนางเลย

ดังนั้นคำเทศนาเรียกให้เจ้าสาวของพระคริสต์เข้ามาด้วยกัน เห็นไหมครับ? เสียงโห่ร้องและแตร อย่างเดียวกันกับเสียงดัง เขาร้องเสียงดังออกมาพร้อมกับที่โห่ร้องเสียงและทำให้ลาซารัสตื่น ด้วยเสียงดัง พระองค์ทรงกันแสง "ลาซารัสออกมาเถิด" เห็นไหมครับ? และเสียงปลุกเจ้าสาวที่กำลังหลับอยู่ให้ตื่นขึ้น คนตายที่กำลังหลับอยู่

และแตร กับเสียงแตร และเมื่อมันเป่า มันเรียก.... แตรเรียกพวกคนอิสราเอลไปงานเลี้ยงฉลองของแตรเสมอ (เห็นไหมครับ?) ซึ่งเป็นงานเลี้ยงฉลองเพ็นเทคอสท์ งานเลี้ยงฉลองอันยิ่งใหญ่ในท้องฟ้าและงานเลี้ยงฉลองของแตร.... และตอนนี้แตรออกเสียงการทรงเรียกเข้ามาด้วยกัน การทรงเรียกไปงานเลี้ยงฉลอง และตอนนี้นั่นเป็นงานเลี้ยงอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกในท้องฟ้า (ตอนนี้ให้จับตาดูครับ)–การประกอบเข้ามาด้วยกันในเจ้าสาวของพระคริสต์, งานเลี้ยงฉลองของแตร, งานเลี้ยงอภิเษกสมรส

พวกเราได้เห็นมันในรูปแบบต่างๆ ตอนนี้ให้จับตาดูสักครู่หนึ่งก่อนที่พวกเราจะปิดการประชุมครับ

สังเกตไหมครับว่า พวกเราได้เห็นมันในรูปแบบต่างๆ

ตอนนี้ถ้าหากพวกคุณอยากจะอ่านในพระธรรมมัทธิว บทที่ 18 ข้อที่ 16 กล่าวไว้ว่า มีพยานสามปาก เห็นไหมครับ? ในพระธรรม 1 ยอห์น บทที่ 5 ข้อที่ 7 และอื่นๆ ... พยานสามปากเสมอ ใช่ไหมครับ? มันเป็นการตรวจสอบบางสิ่งบางอย่างที่เชื่อถือได้ พยานสามปากเป็นพยาน ... "ข้อกล่าว‍หาใดๆ ต้องมีพยานสองสามปากจึงจะเป็นที่เชื่อ‍ถือได้"

ตอนนี้สังเกตไหมครับว่า พวกเราได้มีพยานสามปาก สามปากเป็นพยาน ตอนนี้พวกเราได้มีการรับขึ้นไปสามครั้งแล้วในพันธสัญญาเดิม (พวกคุณรู้เรื่องนั้นไหมครับ?) ดั่งที่เป็นพยาน ตอนนี้ให้จับตาดูครับ! เอโนคเป็นผู้หนึ่ง, เอลียาห์เป็นอีกผู้หนึ่ง, และพระเยซูเป็นอีกผู้หนึ่ง พระเยซูเป็นกุญแจสำคัญในขณะนี้ พระองค์ทรงเป็นพยาน เห็นไหมครับ พระองค์ทรงเป็นกุญแจสำคัญระหว่างพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ เพราะว่าพระองค์ต้องทรงสิ้นพระชนม์ครั้งแรกและจากนั้นเป็นการรับขึ้นไป พระองค์ได้ทรงสิ้นพระชนม์, ทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมา และได้ทรงเดินไปรอบๆ ที่นี่กับพวกเรา และจากนั้นได้ทรงถูกรับขึ้นไป เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นกุญแจสำคัญซึ่งเชื่อมโยงทั้งสองเข้าด้วยกัน หลังจากการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์และการรับขึ้นไป (ให้ดูครับ!) หลังจากที่พระองค์ได้ทรงกระทำสิ่งนั้นและได้ทรงพิสูจน์พันธสัญญาเดิมที่นั่น.... พวกเราทุกคนรู้ว่าเอโนคได้ถูกรับขึ้นไป พวกเรารู้ว่าเอลียาห์ได้ถูกรับขึ้นไปโดยลมหมุน (นั่นใช่ไหมครับ?) ในรถรบเพลิงคันหนึ่ง และพระเยซูได้ทรงสิ้นพระชนม์, ได้ทรงถูกฝัง, ทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมาและได้ทรงมีชีวิตอยู่บนโลกและจากนั้นได้ทรงถูกรับขึ้นไป กุญแจสำคัญ มีพยานสามปาก นั่นถูกต้องไหมครับ?

ตอนนี้มีการรับขึ้นไปครั้งหนึ่งที่ได้ผ่านพ้นไปแล้ว พวกคุณรู้เรื่องนั้นไหมครับ ให้พวกเราดูว่าถ้าหากพวกเรามิอาจจะอ่านมันได้อย่างรวดเร็ว ให้พวกเราเปิดพระธรรมมัทธิวบทที่ 27 และให้พวกเราเปิดประมาณข้อที่ 45 ของพระธรรมมัทธิว บทที่ 27 ให้พวกเราดูว่าถ้าหากพวกเรามิอาจจะอ่านได้อย่างรวดเร็วและดูว่าถ้าหากพวกเรามิอาจจะเปิดได้สักหน่อยจากบทนี้จะช่วยให้พวกเราได้รวดเร็ว-27 และ 45 ผมเชื่อว่าผมได้เขียนลงที่นี่ ให้พวกเราอ่าน

แล้วก็เกิดความมืด‍มัวทั่วแผ่น‍ดิน ตั้ง‍แต่เวลาเที่ยงวันจน‍ถึงบ่ายสามโมง

พอเวลาประ‌มาณบ่ายสามโมง พระ‍เยซูทรงร้องเสียง‍ดังว่า “เอลี เอลี ลา‌มา สะ‌บัก‌ธา‌นี” แปลว่า “พระ‍เจ้าของข้า‍พระ‍องค์ พระ‍เจ้าของข้า‍พระ‍องค์ ทำไมพระ‍องค์ทรงทอด‍ทิ้งข้า‍พระ‍องค์เสีย?” 

บาง‍คนที่ยืนอยู่ที่นั่น เมื่อได้‍ยินก็พูดว่า “คนนี้เรียกเอ‌ลี‌ยาห์”

ทัน‍ใดนั้นคนหนึ่งในพวก‍เขาก็วิ่งไปเอาฟอง‍น้ำชุบเหล้า‍องุ่นเปรี้ยวเสียบปลายไม้‍อ้อ ส่งให้พระ‍องค์เสวย

แต่พวกที่เหลือร้องว่า “อย่าเพิ่งเลย ให้เราคอย‍ดูซิว่าเอ‌ลี‌ยาห์จะมาช่วยเขาหรือไม่”

พระ‍เยซูเมื่อพระองค์ทรงร้องเสียง‍ดังอีกครั้งหนึ่ง ทรงร้องเสียง‍ดังอีกครั้งหนึ่ง [เสียงดัง, เสียงดัง, จับตาดู เมื่อพระเยซูทรงกำลังสิ้น‍พระ‍ชนม์ทรงร้องเสียง‍ดัง] แล้วสิ้น‍พระ‍ชนม์

และนี่‍แน่ะ ม่านในพระ‍วิหารก็ฉีก‍ขาดออกเป็นสองท่อนตั้ง‍แต่บนตลอดล่าง แผ่น‍ดินก็ไหว ศิลาก็แตกออกจากกัน

อุโมงค์ฝัง‍ศพต่างๆ ก็เปิดออก ศพของธรร‌มิก‌ชนหลายคนที่ล่วง‍หลับไปแล้วก็เป็นขึ้นมา

และเมื่อพระ‍เยซูทรงเป็นขึ้นมาแล้ว พวก‍เขาก็ออกจากอุโมงค์ พากันเข้าไปในนครบริ‌สุทธิ์ปรา‌กฏกับคนจำ‌นวนมาก

การรับขึ้นไปครั้งหนึ่งได้ผ่านพ้นไปแล้ว สามครั้งได้เกิดขึ้นแล้วในพันธสัญญาเดิมของพวกเขาได้จัดเตรียมผู้ซึ่งพระวจนะของพระเจ้าได้มาถึง เห็นไหมครับ? พระวจนะของพระเจ้ามาถึงเอโนค พระวจนะของพระเจ้ามาถึงเอลียาห์ เขาเป็นผู้เผยพระวจนะ เห็นไหมครับ? พระวจนะของพระเจ้าคือพระเยซู เห็นไหมครับ?

จับตาดูในพันธสัญญาเดิม พวกเขาบรรดาธรรมิกชนพันธสัญญาเดิมตอนนี้เมื่อการรับขึ้นไปนี้ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ให้สังเกตข้อที่ 50: เสียงดังของพระองค์ทำให้บรรดาธรรมิกชนพันธสัญญาเดิมได้ตี่นขึ้นมา เหมือนกับเสียงดังที่ทำให้พระเยซูทรงตื่น-หรือทำให้ลาซารัสตื่นขึ้นมา เห็นไหมครับ? เสียงดังทำให้เขาตื่นขึ้นมา และครั้งที่สองได้เกิดขึ้นแล้วในพระธรรม 2 เธสะโลนิกา บทที่ 4 ให้พวกเราอ่าน.... พวกเราเพิ่งอ่านมันไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เห็นไหมครับ? "ข้าพเจ้าไม่อยากให้พวกท่านขาดความรู้ พี่น้องทั้งหลาย ถึงเรื่องคนเหล่านั้นที่ล่วงหลับไปแล้ว เพื่อพวกท่านจะไม่เสียใจ...." นั่นคือ พระธรรม 1 เธสะโลนิกา บทที่ 4 ข้อ 12 ถึงข้อ 18 นั่นจะเป็นการรับขึ้นไปครั้งที่สอง การรับขึ้นไปครั้งที่สองจะเป็นการรับขึ้นไปของเจ้าสาวของพระคริสต์

เหล่าธรรมิกชนพันธสัญญาเดิมได้หายเข้าไปในการทรงสถิตของพระองค์, จากไปสู่แดนสุขาวดี และเหล่าธรรมิกชนพันธสัญญาเดิมได้ขึ้นไปที่เสียงดังของพระองค์เมื่อพระองค์ได้ทรงร้องเสียงดังและสิ้นพระชนม์ เพราะเหตุใดเล่าครับ? เครื่องถวายบูชา, การลบล้างบาปของพวกเขาที่พวกเขาได้รอคอย ... ด้วยเชื่อว่าพระเมษโปดกที่ทรงสมบูรณ์แบบกำลังเสด็จมา พวกเขาได้ถวายเครื่องถวายบูชาของลูกแกะ และเมื่อพระองค์ได้ทรงสิ้นพระชนม์และทรงปล่อยพระวิญญาณจิตขึ้นไป พระองค์ได้ทรงร้องด้วยเสียงดัง และเหล่าธรรมิกชนพันธสัญญาเดิมได้ตื่นขึ้นมา ให้จับตาดูเสียงกู่ก้องและสำเนียงของเทพบดีที่นี่ สิ่งเดียวกันที่การเสด็จมาของพระองค์ เห็นไหมครับ? ทรงปล่อยพระวิญญาณจิตขึ้นไป และเมื่อพระองค์ได้ทรงถวายเครื่องถวายบูชาที่สมบูรณ์แบบ และแดนสุขาวดีถูกทำให้ว่างเปล่า และเหล่าธรรมิกชนพันธสัญญาเดิมได้มายังแผ่นดินโลกอีกครั้งหนึ่ง ได้เดินไปรอบๆ บนแผ่นดินโลก และได้เข้าไปข้างในกับพระองค์ที่การรับขึ้นไปของพระองค์

ดาวิดได้กล่าว ณ ที่นั่นว่า "ประตูเมืองเอ๋ย จงยกหัวของเจ้าขึ้น บาน‍ประตูนิ‌รันดร์เอ๋ย จงยกขึ้นเถิด"

พระองค์ได้ทรงนำเชลยจองจำและประทานของขวัญแก่มนุษย์ เมื่อเหล่าธรรมิกชนพันธสัญญาเดิมได้ไปอยู่กับพระองค์ พวกเขากล่าวว่า "ผู้ใดทรงเป็นกษัตริย์แห่งความชอบธรรมนี้?"

"กษัตริย์แห่งพระสิริ สง่าราศีอันยิ่งใหญ่ในพระองค์ ... สง่าราศีอันยิ่งใหญ่ในพระองค์" ที่นี่พวกเขาเดินทัพเข้ามาข้างใน พระเยซูได้ทรงนำพวกเชลยไปเป็นเชลยอีก และที่นี่พระองค์เสด็จมาพร้อมกับเหล่าธรรมิกชนพันธสัญญาเดิมและเดินเข้าไปในประตูใหม่ที่อยู่ที่นั่นและกล่าวว่า "ประตูเมืองเอ๋ย จงยกหัวของเจ้าทั้งหลายขึ้นเถิด บาน‍ประตูนิ‌รันดร์เอ๋ย จงถูกยกขึ้นเถิด เพื่อกษัตริย์แห่งสง่าราศีจะเสด็จเข้า‍มา"

เสียงมาจากภายใน กล่าวว่า "ผู้ใดทรงเป็นกษัตริย์แห่งสง่าราศี?"

"พระเจ้า ผู้ทรงอานุภาพในการสู้รบ" ประตูได้เปิดออก และพระเยซูผู้พิชิตได้ทรงนำเชลยไปเป็นเชลยอีก พวกเขาที่เชื่อในพระองค์ และพระวจนะได้มายังพวกเขา มีเหล่าธรรมิกชนพันธสัญญาเดิมที่ถูกฝังไว้ ณ ที่นั่นกำลังรอคอยอยู่ พระองค์ได้ทรงนำเชลยไปเป็นเชลยอีก ได้เสด็จขึ้นไปบนที่สูง ได้ทรงนำเหล่าธรรมิกชนพันธสัญญาเดิมและได้เข้าไปใน มีการรับขึ้นไปครั้หนึ่งที่ได้ผ่านพ้นไปแล้ว

การรับขึ้นไปครั้งต่อไปที่จะเกิดขึ้นคือ พระธรรม 2 เธสะโลนิกา สำหรับคริสตจักร, เจ้าสาวของพระคริสต์ ซึ่งจะถูกทำให้ฟื้นขึ้นมาใหม่เพื่อจะถูกรับเข้าไปในพระสิริ "พวกเราซึ่งยังเป็นอยู่และเหลืออยู่ (ที่ร่างกายที่เหลืออยู่บนโลก) จะล่วงหน้าไปก่อนคนเหล่านั้นที่ล่วงหลับไปแล้วก็หามิได้ ด้วยแตรของพระเจ้าจะดังขึ้นมาก่อน และคนทั้งปวงที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมา (เห็นไหมครับ?) แล้วพวกเราซึ่งยังเป็นอยู่และเหลืออยู่ จะถูกรับขึ้นไปด้วยกันกับพวกเขา"

วันก่อนผมกำลังยืนอยู่บนหัวมุมถนน และผมกำลังยืนอยู่บนหัวมุมถนนนั้นและกำลังเฝ้าดูขบวนพาเหรดวันสงบศึก และเมื่อมันได้ขึ้นมา จะขึ้นมาบนถนนนั้น ผมยืนอยู่ที่นั่นกับลูกชายคนเล็กของผม โยเซฟ มี ... คันแรกเป็นรถถังสงครามโบราณคันแรกผ่านมา, รถถังโบราณคันเล็กๆ หลังจากนั้นเป็นรถถังเชอร์แมนอันยอดเยี่ยมของสงครามใหม่และปืนใหญ่อันยอดเยี่ยมกับระเบิดปากกระบอกปืนของพวกมันและ ... ปากกระบอกปืนอื่นๆ บนพวกมัน หลังจากนั้นมีเหล่าทหารมา, พวกคุณแม่เหรียญทอง และจากนั้นมีทุ่นลอยน้ำกับ ... ลงบน ... และลงบนทุ่นลอยน้ำที่นั่น และที่ด้านหน้าของมันคือหลุมฝังศพของพวกทหารนิรนาม และมีทหารคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่นั่นเฝ้ายามอยู่ที่หลุมฝังศพแห่งนั้น มีนาวิกโยธินคนหนึ่งบนอีกฝั่งหนึ่ง และทหารเรือคนหนึ่งบนอีกฝั่งหนึ่ง และมีที่กั้นกั้นอยู่ และบนอีกฝั่งหนึ่งมีคุณแม่เหรียญทองคนหนึ่งนั่งอยู่ นางได้สูญเสียลูกชายของนาง มีภรรยาสาวคนหนึ่งที่ก้มศีรษะร้องไห้อยู่บนโต๊ะ เด็กชายเล็กๆ มอมแมมคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างทางและน้ำตารินไหลออกมาจากใบหน้าของเขา เขาได้สูญเสียคุณพ่อของเขา ผมคิดว่า "สิ่งโศกเศร้าขณะที่ผมกำลังยืนอยู่ที่นี่และได้มองดู เห็นพวกเขา ... ชรา ทหารเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ กำลังเดินสวนสนามลงไปที่นั่นซึ่งพิการและชราภาพเหมือนอย่างนั้นกับการแต่งกายด้วยเครื่องแบบของพวกเขา แต่เป็นการแสดงอย่างภาคภูมิใจของพวกเขาเพราะพวกเขาเป็นพวกคนอเมริกัน"

ผมคิดว่า "โอ้ พระเจ้าของผม

วันหนึ่งจะมีระเบิดมาจากสวรรค์ และผู้ที่ตายไปแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน พวกเขาเหล่าธรรมิกชนพันธสัญญาเดิมกลับไปที่โน่นผู้ที่กำลังรอคอยอยู่จะระเบิดไปก่อนและจะออกมาจากที่นั่นก่อนและจะเข้าไปในการฟื้นคืนชีพ พวกเราจะตกลงตรงในแถวที่กำลังไปในท้องฟ้า พวกร่างกายเก่าที่ไม่เป็นอมตะเหล่านี้ถูกเปลี่ยนแปลงและถูกทำให้เป็นเหมือนพระกายแห่งพระสิริของพระองค์เอง สิ่งที่ขบวนพาเหรดนั้นจะเป็นเมื่อมันเริ่มต้นมุ่งหน้าไปสวรรค์ในสักวันหนึ่งของยุคนี้ที่เวลาการรับขึ้นไปที่วางข้างหน้า โอ้ การแสดงอย่างภาคภูมิใจที่พระโลหิตของพระเยซูคริสต์อยู่บนทรวงอกของพวกเขา คำเทศนาของพระเจ้าในเวลานี้ที่พวกเขามีชีวิตอยู่ นั่นคือเวลาที่พวกเรากำลังเฝ้ารอคอยอยู่ บราเดอร์

ให้มองดู (จะปิดการประชุมตอนนี้ครับ) การฟื้นคืนพระชนม์ครั้งที่สอง ครั้งแรกได้ผ่านพ้นไปแล้ว ครั้งที่สองอยู่ใกล้แค่เอื้อม จะมา-แค่เอื้อมเวลานี้

ตอนนี้ครั้งที่สามเป็นพยานสองปากของพระธรรมวิวรณ์ บทที่ 11 ข้อ 11 และ 12 ซึ่งคนเหล่านี้เป็นคนที่หันกลับมาด้วยพระวิญญาณของพระคริสต์เพื่อเป็นสักขีพยานกับพวกยิวเหมือนที่โยเซฟได้ทำกับพี่น้องของเขา และคุณจำได้ไหมครับว่า พวกศพของพวกเขาที่วางอยู่ในท้องถนนเป็นเวลาสามวันครึ่ง จากนั้นวิญญาณแห่งชีวิตได้เข้ามาในพวกเขาและพวกเขาได้ถูกรับขึ้นไป ถูกนำเข้าไปในสวรรค์ มีการรับขึ้นไปสามครั้งของพันธสัญญาใหม่ของคุณ การรับขึ้นไปสามครั้งของพันธสัญญาเดิม ทุกครั้งของพวกมันได้ผ่านพ้นไปแล้ว

ตอนนี้พวกเราพร้อมแล้ว กำลังรอคอยการรับขึ้นไปของเหล่าธรรมิกชน มันได้รับการกล่าวไว้และมันจะเป็น

เมื่อพระเจ้าตรัสสิ่งใด ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกทั้งหมดจะล่วงไป แต่พระวจนะจะไม่เคยล้มเหลว

เมื่อพระเจ้าได้ทรงบอกให้กลับไปที่นั่นในพระธรรมปฐมกาล บทที่ 1 พระองค์ได้ตรัสว่า "จงมีความสว่าง" มันอาจจะเป็นหลายร้อยปีก่อนที่จะมีความสว่างใดๆ พระองค์ตรัสว่า "จงมีต้นปาล์ม; จงมีต้นโอ๊ค; จงมีทะเลทราย; จงมีภูเขา; จงมีสิ่งนี้" พระองค์ได้ทรงสั่งมัน คุณเห็นไหมครับ? และตราบนานเท่านานที่มันได้ออกไปจากพระโอษฐ์ของพระองค์ในถ้อยคำๆ หนึ่ง มันต้องได้รับการปรากฏสำแดง มันต้องเป็น

แล้ววันหนึ่งพระองค์ได้ทรงเรียกประชากรของพระองค์ออกมา และพระองค์ได้ตรัสกับชายคนหนึ่งชื่อโมเสสด้วยเสาเพลิง, แสงสว่าง, ความบริสุทธิ์, ไฟศักดิ์สิทธิ์ และโมเสสจะไม่.... ประชาชนจะไม่เชื่อโมเสส ดังนั้นพระองค์จึงตรัสว่า "จงนำพวกเขาออกไปยังภูเขาลูกนี้"

เช้าวันนั้นภูเขาลูกนั้นเต็มไปด้วยไฟและฟ้าแล่บและฟ้าร้องเหมือนอย่างนั้น และคนทั้งหลายได้กล่าวว่า "อย่าให้พระเจ้าตรัส ให้โมเสสพูด (เห็นไหมครับ?) เกรงว่าพวกเราจะพินาศ"

พระเจ้าตรัสว่า "เราจะไม่พูดกับพวกเขาเหมือนอย่างนี้อีกต่อไป แต่เราจะให้ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งเกิดขึ้นในท่ามกลางพวกเขา และเราจะพูดผ่านเขา และถ้าหากสิ่งใดที่เขาพูดได้เกิดขึ้นแล้วพวกท่านจะฟังเขาเพราะเราอยู่กับเขา" ตอนนี้พระองค์ได้ตรัสไว้อย่างนั้น พระองค์ได้ทรงบอกว่ามันจะเกิดขึ้น

มองดูที่ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ผู้นี้กำลังยืนอยู่ที่นั่น ผู้ชายคนหนึ่ง, คนมีสติปัญญา, คนที่กษัตริย์ทรงคิดว่าดี เพราะว่าเขาได้อาศัยอยู่กับกษัตริย์อุสซียาห์ซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ครั้งหนึ่งได้พยายามที่จะมาแทนที่นักเทศน์และได้เข้าไป ได้ถูกทุบตีด้วยโรคเรื้อน และนั่นคือสิ่งที่ผมบอกพวกนักธุรกิจ จงอย่าพยายามที่จะมาแทนที่นักเทศน์ ไม่ครับท่าน! ให้คุณอยู่ในที่ซึ่งคุณอยู่ เห็นไหมครับ? ให้คุณทำงานของคุณ สิ่งที่พระเจ้าทรงบอกคุณ ถ้าหากคุณเป็นนิ้วมือ คุณมิอาจจะเป็นหูได้ ถ้าหากคุณเป็นหู คุณมิอาจจะเป็นจมูก จมูกหรือตาได้ เห็นไหมครับ? ให้คุณอยู่ในตำแหน่งของคุณ

คุณฟังคำเทศนาวันก่อนที่ออกอากาศหรือไม่ครับ "พยายามที่จะรับใช้พระเจ้า" ดาวิดเป็นกษัตริย์ผู้ได้รับการเจิม ประชาชนทุกคนโห่ร้องและร้องเสียงดังว่าเขาใช่ แต่เขามิเคยได้ปรึกษากับผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า และผู้ชายคนหนึ่งได้เสียชีวิตและสิ่งทั้งหมดก็ถูกทำลาย จงอย่าพยายามที่จะปรนนิบัติพระเจ้า ให้คุณรอคอยจนกว่ามันเป็นถ้อยคำของพระเจ้า ปล่อยให้มันมาในวิถีทางของการกระทำของพระองค์ "ผมจะเริ่มต้นสิ่งที่ยิ่งใหญ่นี้, มันจะทำอย่างนี้" ให้ระวัง บราเดอร์

ตอนนี้ดาวิดได้รู้ดีกว่านั้นว่า นาธานอยู่ในแผ่นดินนั้นในยุคนั้น เขามิเคยได้ถูกให้มาปรึกษาเลย เห็นไหมครับ? เขาได้ปรึกษาเหล่าแม่ทัพกองร้อยและกองพัน ประชาชนทุกคนได้โห่ร้องและได้ร้องเสียงดังและได้เต้นรำและ [คำไม่ชัดเจน] พวกเขาทุกมีการเคลื่อนไหวทางศาสนา แต่กระนั้นมันมิได้อยู่ในแถวและพระบัญชาของพระวจนะพระเจ้า และมันล้มเหลว ทุกสิ่งอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในแถวและพระบัญชาของพระวจนะของพระเจ้าจะล้มเหลว พระวจนะของพระเจ้าเพียงเท่านั้นที่จะคงอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ "ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกจะล่วงไปแต่ถ้อยคำของเราจะหาไม่"

สังเกตไหมครับว่า อิสยาห์ชายหนุ่มผู้มีสติปัญญาผู้นั้นกำลังยืนอยู่ที่นั่น ทันทีทันใดนั้นพระวิญญาณได้ทรงปะทะเขา เขามิอาจจะบอกถึงความไม่แตกต่างกันได้ เขาเป็นผู้เผยพระวจนะ เขาได้กล่าวว่า "ดูเถิดหญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง ... ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และจะเรียกนามของท่านว่า ที่ปรึกษา, เจ้าชายแห่งสันติสุข, พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์, พระบิดานิรันดร์ จุดปลายของ.... พระองค์ การปกครองจะอยู่ที่บ่าของท่าน และจะไม่มีที่สิ้นสุดเหนือราชอาณาจักรของพระองค์" ชายผู้ที่มีสติปัญญาคนนั้นกล่าวถึงหญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรเล่าครับ? ทุกคนมองหามัน มันสำเร็จแล้วด้วยการกล่าวว่า "พระเจ้าตรัสดังนี้" มันต้องได้เกิดขึ้นแล้ว เพราะมันเป็นพระวจนะของพระเจ้าเช่นเดียวกับที่มันเป็นในปฐมกาลเมื่อพระองค์ได้ทรงปลูกเมล็ดพืชทั้งหลายลงไปที่ใต้ทะเล ซึ่งปราศจากรูปร่างและว่างเปล่าอยู่ และอยู่เหนือผิวน้ำ เห็นไหมครับ มันต้องได้เกิดขึ้นแล้ว

และวันหนึ่งแปดร้อยปีต่อมาครรภ์ของหญิงพรหมจารีคนหนึ่งได้ตั้งครรภ์พงศ์พันธุ์ของพระเจ้า พงศ์พันธุ์ที่ได้รับการทรงสร้าง นางได้คลอดพระบุตร พระบุตรองค์เดียวกันที่ทรงยืนอยู่ที่นั่นวันหนึ่งและพระองค์ได้ตรัสว่า "ลาซารัส จงออกมา" และผู้ชายคนหนึ่งซึ่งตายไปแล้วสี่วัน เน่า, จมูกของเขายุบลงไป, กลิ่นเหม็น เขาออกมากล่าวว่า "อย่าประ‌หลาด‍ใจในข้อนี้เลย เพราะใกล้จะถึงเวลา (อาเมน!) ที่ทุก‍คนที่อยู่ในอุโมงค์ฝัง‍ศพจะได้‍ยินพระสุรเสียงของพระ‍บุตรของพระเจ้า" ดังนั้นแล้วมันก็สำเร็จได้โดยการพูด มันจะต้องเกิดขึ้น จะมีการรับขึ้นไป

โอ้!

ผมจำคำเทศนาสุดท้ายของผมในรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งผมคิดว่าผมจะไม่ได้กลับไปอีกครั้งหนึ่ง เมื่อผมได้ทำนายว่า เมืองลอส แอนเจลีส จะจมลงไปใต้มหาสมุทร และ "พระเจ้าตรัสดังนี้" มันจะ! นางได้ทำแล้ว, นางได้ถูกชำระล้าง, นางจบแล้ว เวลาใดเล่าครับ? ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่มันจะจมลง ทันทีหลังจากแผ่นดินไหวเริ่มที่จะกระตุกและกระแทก

พวกคุณจำได้ไหมครับว่า พวกคุณผู้ชายหลายคนที่ยืนอยู่ ณ ที่นั่นที่ก้อนหินนั้นวันนั้นเมื่อทูตสวรรค์ได้ลงมาที่นั่นและแสงสว่างและไฟนั้นกำลังตกลงมาจากฟากฟ้าสวรรค์รอบๆ ก้อนหินที่ซึ่งพวกเขากำลังยืนอยู่ที่นั่น ก้อนหินพุ่งออกมาจากภูเขาและร่วงหล่นทั่วที่นั่น และนางได้ระเบิดอย่างแรงสามครั้ง ผมได้กล่าวว่า "คำพิพากษาจะปะทะชายฝั่งตะวันตก" สองวันหลังจากนั้นรัฐอลาสก้าเกือบจะจมลง

จำได้ไหมครับว่า พระเจ้าองค์เดียวกันนั้นได้ทรงบอกเรื่องนั้น เมืองลอส แอนเจลีส พินาศ นางจบแล้ว ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ผมไม่สามารถบอกพวกคุณได้

ผมมิรู้ได้ว่าผมได้พูดเรื่องนั้น แต่พี่น้องชายคนนี้ที่นี่ผมเชื่อว่ามันเป็น.... ไม่ครับ คนหนึ่งของพวกโมสเลย์ ผมเชื่อว่าผมได้ออกไปบนถนนที่ข้างนอกนั่น ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรจนกระทั่งผมได้มองย้อนกลับไป และผมได้มองย้อนกลับไปในข้อพระคัมภีร์ และพระเยซูตรัสว่า "เมืองคา‌เปอร‌นา‌อุม, เมืองคา‌เปอร‌นา‌อุม เจ้าจะถูกยกขึ้นเทียม‍ (สูงกว่า) ฟ้าหรือ? เปล่า‍เลย เจ้าจะต้องลง‍ไปถึงแดนคน‍ตายต่าง‍หาก เพราะการอัศ‌จรรย์ต่างๆ ซึ่งทำในท่าม‍กลางเจ้านั้น ถ้าทำในเมืองโส‌โดม เมืองนั้นคงได้ตั้ง‍อยู่จนทุกวัน‍นี้" และประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบปีจากนั้น-เมืองโสโดมก็อยู่ในโลกนี้แล้ว-จากนั้นปัจจุบันนี้เมืองคา‌เปอร‌นา‌อุมก็อยู่ในน้ำด้วย

                และพระวิญญาณองค์เดียวกันนั้นของพระเจ้าได้ทรงกล่าวถึงสิ่งทั้งหมดเหล่านี้และได้ทรงกระทำสิ่งทั้งหมดเหล่านี้แล้ว พระองค์ทรงได้กล่าวที่นั่นว่า "โอ้ เมืองคาเปอรนาอุม ผู้ที่ได้เรียกตัวเองโดยนามของพวกเหล่าทูตสวรรค์ เมืองลอส แอนเจลีส พวกท่านยกย่องตัวของพวกท่านเองขึ้นเทียมฟ้าสวรรค์ได้อย่างไร (รากเหง้าและบัลลังก์จริงๆ ของซาตาน เห็นไหมครับ?) พวกคุณได้ยกย่องตัวพวกคุณเอง"

พวกนักเทศน์ มันเป็นสุสานสำหรับพวกเขา พวกคนดีไปที่นั่นและตายเหมือนอย่างพวกหนู ความหายนะ

"คุณที่เรียกตนเองโดยนามของพวกเหล่าทูตสวรรค์ ถ้าหากว่าพระราชกิจอันเกรียงไกรที่ได้กระทำมาแล้วในเมืองโสโดมนั้นสำเร็จแล้วในคุณ มันควรจะยืนหยัดอยู่ในปัจจุบันนี้ แต่กระนั้นเวลาของคุณได้มาถึง" ให้คุณจับตาดูและมองเห็น ถ้ามันไม่ใช่ ผมก็เป็นผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ เห็นไหมครับ? นางอยู่ที่นั่นไง นางกำลังวางอยู่ที่นั่น

ผมจำคืนนั้นได้.... ก่อนที่ผมได้เห็นสิ่งนั้น ผมได้เห็นภาพตัวอย่างของเจ้าสาวของพระคริสต์ ผมได้ยืนอยู่ที่นั่นและได้เห็นสุภาพสตรีที่งดงามคนหนึ่ง ที่แต่งตัวและมีสิ่งต่างๆ อย่างถูกต้องกำลังเดินทัพผ่านมาทางนี้ มีคนบางคนกำลังยืนอยู่ข้างๆ ผมในนิมิตนั้น และผมเห็นพวกเขาพูกว่า "การแสดงตัวอย่างของเจ้าสาวของพระคริสต์" ผมเห็นนางผ่านไป พวกเขามาบนฝั่งนี้และได้เดินไปรอบๆ

และผมได้ยินว่ามันกำลังจะขึ้นมา คริสตจักรกำลังจะขึ้นมาจากอีกฝั่งหนึ่งนี้ มีคริสตจักรเอเชียมา โอ้ คุณพูดเกี่ยวกับสิ่งสกปรกโสมม มีคริสตจักรยุโรปมาที่นี่ โอ้! และจากนั้นผมได้ยินดนตรีร็อค แอนด์ โรล กำลังมา, และมันคือมิสอเมริกา, คริสตจักร และนางมิได้แม้แต่สวมเสื้อผ้าใดๆ เลย นางมีกระดาษต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์, สีเทา, ถืออยู่ที่ด้านหน้าของเธอ, เต้นรำด้วยดนตรีร็อค แอนด์ โรล-คริสตจักรมิสอเมริกา

ผมยืนอยู่ที่นั่นในการทรงสถิตของพระองค์ ผมคิดว่า "โอ้ พระเจ้า ในฐานะพันธกรคนหนึ่ง ถ้าหากว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ข้าพระองค์ทั้งหลายสามารถทำได้ โอ้ โอ้!" คุณรู้ไหมครับว่าคุณรู้สึกอย่างไร จากนั้นผมคิดว่า "ขอพระเจ้าทรงซ่อนข้าพระองค์ ถ้าหากข้าพระองค์เพียงสามารถออกไปจากที่นี่ได้ ถ้าหากว่าทุกสิ่งที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำแล้วและสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้เกิดผล ถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่...."

และจากนั้นเมื่อพวกนางพวกผู้หญิงได้ผ่านไป ทุกคนได้เต้นรำทุกรูปแบบของดนตรีร็อค แอนด์ โรล และทรงผมสั้น และแต่งหน้าทาปาก และเมื่อพวกนางได้ผ่านไปเหมือนอย่างนั้น ควรจะเป็นพวกหญิงพรหมจารีของพระคริสต์ และเมื่อเธอได้ผ่านไปอย่างนั้น ... ผมก็ได้หันศีรษะของผมกลับมา คุณรู้ได้ด้วย ... ด้วยการยึดสิ่งนั้นไว้อยู่ที่ด้านหน้าของพวกนาง มันน่าละอายที่ด้านหลังของพวกนาง และที่นั่นพวกนางกำลังไปเหมือนอย่างนั้น

ผมได้หันศีรษะของผมกลับมาร่ำไห้เหมือนอย่างนั้น ผมได้กล่าวว่า ... ผมมิอาจจะทนมันได้ที่นั่น พระองค์ทรงยืนอยู่ที่นั่น ผมรู้ว่าผมเป็นพันธกรคนหนึ่งของคริสตจักรและนั่นคือสิ่งที่ผมได้เกิดผลแด่พระองค์ ผมทูลว่า "โอ้ พระเจ้า ข้าพระองค์มิอาจจะมองดูที่มันได้ ขอให้ข้าพระองค์ตายเสียเถิด ขอให้ข้าพระองค์จางหายไป" และเหมือนอย่างนั้น

และทันทีทันใดที่นางได้ออกไป-ทุกครั้งคนหนึ่งของพวกนางจะมา พวกนางจะออกไปยังสถานที่เฉพาะแห่งหนึ่งและแวะ และผมก็ได้ยินเสียงของนางขณะที่นางได้จากไป และจากนั้นผมได้ยินบางสิ่งบางอย่างเหมือนว่า "ทหารคริสเตียนทั้งหลายจงเดินหน้าต่อไป" และผมได้มองดูและมีเหล่าธรรมิกชนสาวน้อยพวกนางทุกคนแต่งกายอย่างถูกต้องมาที่นี่, ผมของพวกนางปล่อยลงมาด้านหลังของพวกนาง, ลื่น, สะอาด, กำลังเดินทัพเหมือนอย่างนี้ไปยังก้าวของข่าวประเสริฐ นางเป็นพระวจนะ มันดูเหมือนประเทศหนึ่งจากทุกๆ ประเทศ ผมกำลังมองดูพวกนางอยู่ขณะที่พวกนางได้ผ่านไป และได้เห็นพวกนางผ่านไป แทนที่จะเดินลงไป พวกนางเริ่มเดินขึ้นมา และผมได้สังเกตเห็นคนหนึ่งของพวกนางกำลังพยายาม สองหรือสามคนของพวกนางกำลังพยายามที่จะเดินออกมาจากแถว ผมร้องสียงดังว่า "จงอยู่ในแถว!" และนิมิตนั้นก็ละไปจากผม และผมกำลังยืนอยู่ในห้องนี้กำลังร้องเสียงดัง "จงอยู่ในแถว!" แถวที่....

แปลกใจที่มันได้ผ่านพ้นไปแล้วหรือครับ? เจ้าสาวของพระคริสต์อาจจะได้รับการทรงเรียกไปแล้วหรือครับ? นั่นคือสิ่งที่พวกเรากำลังจะผ่านไปในวันนี้? นางต้องถูกปั้นและได้รับการทรงสร้างเข้าไปในพระฉายของพระคริสต์ และพระคริสต์ทรงเป็นพระวจนะ นั่นคือสิ่งเดียวเท่านั้น เห็นไหมครับ นางอยู่ในที่นั่น ในพระวจนะ นางเป็น... เห็นไหมครับ ไม่อาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่เพิ่มเติมได้ มิอาจจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่งด้วยมือข้างหนึ่งที่เหมือนผู้ชายคนหนึ่งและมืออีกข้างหนึ่งที่มีอุ้งเท้าเหมือนสุนัข นางต้องเป็นเหมือนพระวจนะของพระเจ้า เหมือนอย่างที่พระองค์ทรงเป็นพระวจนะ เจ้าสาวเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าบ่าว ผู้หญิงเป็นส่วนหนึ่งของสามีของนาง เพราะว่านางถูกนำออกมาจากสามี เอวาเป็นส่วนหนึ่งของอาดัมจากสีข้างของเขา และดังนั้นเป็นเจ้าสาวของพระคริสต์ซึ่งมิได้นำออกมาจากนิกายๆ หนึ่ง แต่ได้นำออกมาจากพระทรวงของพระวจนะพระเจ้าสำหรับยุคนี้

การรับขึ้นไป:

เสียงแตรของพระเจ้าจะเป่า;

ผู้ที่ตายไปแล้วในพระคริสต์จะฟื้นขึ้นมา

และสง่าราศีของการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ทรงส่อง

เมื่อพวกผู้ที่ได้รับการทรงเลือกจะมารวมตัวกันที่

บ้านของพวกเขาในท้องฟ้าอันไกลโพ้น

เมื่อหนังสือม้วนถูกทรงเรียกขึ้นมาที่โน่น....

(ให้พวกเราทุกคนพยายามจะอยู่ที่นั่นครับ เพื่อนๆ ครับ)

พระเจ้าอวยพรคุณ มันได้กล่าวไว้แล้ว มันต้องเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้น! และพวกผู้คนที่เล็กน้อย ไม่มีใครอยากจะตาย ไม่มีใครอยากจะหลงหาย ผมขอบอกคุณว่า ไม่ว่าคุณจะทำสิ่งใดก็ตาม ผมไม่สนใจว่าคุณไปคริสตจักรดีอย่างไรและคุณสัตย์ซื่อกับคริสตจักรอย่างไร .... นั่นดี ไม่มีสิ่งใดที่ต่อต้านสิ่งนั้น คุณควรจะไปคริสตจักร คุณทำสิ่งนั้น ให้ไปคริสตจักรต่อไป แต่สิ่งใดก็ตามที่มันเป็น ให้โยนประเพณีทั้งหลายของคุณออกไปและเคลื่อนตรงขึ้นไปในพระคริสต์ เพราะว่ามันกำลังจะส่งเสียงในสักวันหนึ่งของยุคนี้ และคุณกำลังจะได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้ายบนคุณและไม่รู้ว่ามันคืออะไรจนกระทั่งมันสายเกินไปแล้ว นั่นใช่แน่นอนครับ!

พระเจ้าอวยพรคุณ ผมขออภัยที่ทำให้พวกคุณต้องอยู่ และจำได้ไหมครับว่าผมได้เก็บพวกเขาไว้นานเกินไปแล้วที่นี่ ใช่ครับ และสิ่งที่พวกคุณได้มอบให้แก่ผมซึ่งผมไม่ได้ขอให้พวกคุณทำอย่างนั้น บราเดอร์.... นั่นคือ ... ของผม ... นั่นเป็นมารยาท ใช้สิ่งนั้นและจ่ายค่าล่วงเวลาของโรงแรมแห่งนี้ เพราะว่าผมใช้มันอยู่ ผมเพิ่งมีสองสามอย่างที่นี่ ผมมีอีกประมาณแปดหรือสิบหน้าเกี่ยวกับการรับขึ้นไปที่นั่น แต่ผมก็ไม่มีเวลาที่จะให้มัน

พระเจ้าอวยพรคุณ! คุณรักพระเยซูเจ้าไหมครับ? ให้พวกเรายืนนิ่งๆ สักหนึ่งนาทีเวลานี้อย่างเงียบๆ ด้วยความเคารพ และระลึกถึงสิ่งที่ผมได้เทศนาแล้ว จำได้ไหมครับ พวกเรากำลังอยู่ในยุคสุดท้าย .... เหล่านี้

ประชาชาติกำลังล่มสลาย;

อิสราเอลกำลังตื่นขึ้น

บรรดาหมายสำคัญที่พระคัมภีร์ไบเบิลได้ทำนายไว้:

วันของพวกต่างชาติได้ถูกนับไว้

ด้วยความน่าสะพรึงกลัวที่กีดขวาง

จงกลับมา โอ้ ผู้ที่หลงเจิ่นไป ยังของพวกท่านเอง

วันของการไถ่ใกล้เข้ามา

ใจของมนุษย์กำลังล้มเหลวเพราะความกลัว

จงเติมเต็มด้วยพระวิญญาณ

ตะเกียงของพวกท่านถูกตัดแต่งและสะอาด

จงเงยหน้าขึ้นมอง การไถ่ของพวกท่านอยู่ไม่ไกล

(พวกคุณรู้เรื่องนั้น?)

พวกผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จโกหก;

ความจริงของพระเจ้าที่พวกเขากำลังปฏิเสธ; (พวกเรารู้

ว่าทั้งหมดจริง พวกเราไม่รู้หรือครับ?)

......................................

ข้าฯ รักพระองค์, ข้าฯ รักพระองค์,

เพราะพระองค์ทรงรักข้าฯ ก่อน;

และจ่ายราคาความรอดของข้าฯ

บนไม้กางเขน

มีกี่คนที่รักพระองค์จริงๆ ให้ยกมือของคุณขึ้นมาครับ ตอนนี้

ผมอยากจะให้คุณในขณะที่พวกเราร้องเพลงนี้อีกครั้งหนึ่ง จับมือกับคนบางคนที่อยู่ใกล้ๆ และกล่าวว่า "พระเจ้าอวยพรคุณ ผู้แสวงบุญ!" พวกเราเป็นผู้แสวงบุญ พวกเราผู้แสวงบุญและคนแปลกหน้า พวกเราไม่ใช่หรือครับ?

ข้าฯ รักพระองค์ (นั่นแหล่ะครับ ที่ตรงข้าม

โต๊ะนั้น) ข้าฯ รักพระองค์

เพราะพระองค์ทรงรักข้าฯ ก่อน;

และได้ทรงจ่ายราคาความรอดของข้าฯ

บนไม้กางเขนที่โกละโกธา

พวกคุณอยากจะทำการรับขึ้นไปไหมครับ? มีกี่คนที่สนใจในการทำการรับขึ้นไป ให้ทูลว่า "พระเจ้า ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะทำมันด้วยสุดจิตสุดใจของข้าพระองค์"

"จงยึดพระหัตถ์ที่ไม่ทรงเปลี่ยนแปลงของพระเจ้าไว้" คุณรู้จักเพลงนี้ไหมครับ? คุณรู้จักมันไหมครับ ซิสเตอร์? "จงยึดพระหัตถ์ที่ไม่ทรงเปลี่ยนแปลงของพระเจ้าไว้" ผมไม่รู้สิ่ง.... อะไรอยู่ข้างในครับ? อะไร.... ครับ?

จงยึดพระหัตถ์ที่ไม่ทรงเปลี่ยนแปลงของพระเจ้าไว้!

จงยึดพระหัตถ์ที่ไม่ทรงเปลี่ยนแปลงของพระเจ้าไว้!

สร้างความหวังของท่านในสิ่งทั้งหลายที่เป็นนิรันดร์

จงยึดพระหัตถ์ที่ไม่ทรงเปลี่ยนแปลงของพระเจ้าไว้!

พวกคุณชอบเพลงนั้นไหมครับ?

เมื่อการเดินทางของพวกเราเสร็จสิ้นแล้ว

ถ้าหากพระเจ้าพวกท่านได้เป็นจริง

บ้านของพวกท่านในพระสิริงดงามและสดใส

จิตใจที่ถูกรับขึ้นไปของท่านจะได้เห็น!

จงยึดพระหัตถ์ที่ไม่ทรงเปลี่ยนแปลงของพระเจ้าไว้!

จงยึดพระหัตถ์ที่ไม่ทรงเปลี่ยนแปลงของพระเจ้าไว้!

สร้างความหวังของท่านไว้ในสิ่งที่เป็นนิรันดร์

จงยึดพระหัตถ์ที่ไม่ทรงเปลี่ยนแปลงของพระเจ้าไว้!

ผมอยากจะให้คุณก้มศีรษะของคุณลงสักครู่หนึ่งในเวลานี้

จงอย่าโลภในความร่ำรวยอันไร้สาระของโลกนี้

สิ่งนั้นเสื่อมสลายอย่างรวดเร็วมาก

จงแสวงหาที่จะสั่งสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์

พวกมันจะไม่เคยล่วงไป!

จงยึดพระหัตถ์ที่ไม่ทรงเปลี่ยนแปลงของพระเจ้าไว้!

จงยึดพระหัตถ์ที่ไม่ทรงเปลี่ยนแปลงของพระเจ้าไว้!

จงสร้างความหวังของท่านในสิ่งที่เป็นนิรันดร์

จงยึดพระหัตถ์ที่ไม่ทรงเปลี่ยนแปลงของพระเจ้าไว้!

ในเวลานี้ด้วยศีรษะของพวกคุณที่ก้มลงและสิ่งนี้ในใจ ด้วยรู้ว่าพวกเรากำลังก้มศีรษะของพวกเราลงสู่ผงคลีดินจากสิ่งที่พวกเราได้ถูกนำมา สักวันหนึ่งจะกลับไป ด้วยรู้ว่าคุณมีจิตใจในที่นั่นที่จะตอบพระเจ้า.... และถ้าหากคุณสัมผัสว่าคุณยังไม่พร้อมสำหรับการรับขึ้นไปที่อาจจะมาในคืนนี้ และคุณอยากจะได้รับการจดจำในการอธิษฐาน ให้ยกมือของคุณขึ้นมา พวกเราไม่มีสถานที่ซึ่งจะทำการเรียกมายังแท่นบูชาได้ อย่างไรก็ตามแท่นบูชาของคุณอยู่ในใจของคุณ ให้ยกมือของคุณขึ้นมา พระเจ้าอวยพรคุณ, คุณ, คุณ โอ้! "สัมผัสว่าผมยังไม่พร้อม บราเดอร์บรานฮาม ผมอยากจะเป็นคริสเตียนจริงๆ ผมได้พยายามที่จะเป็น แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปเสมอ ผมรู้ว่าผมมิได้อยู่ในสถานที่ซึ่งผมควรจะอยู่ ขอทรงเมตตาเถิด พระเจ้า ข้าพระองค์ยกมือของข้าพระองค์ขึ้น ขอทรงเมตตาต่อข้าพระองค์เถิด" ตอนนี้ยี่สิบหรือสามสิบมือได้ยกขึ้นมาอยู่ในกลุ่มเล็กๆ แห่งนี้ มีมือเพิ่มขึ้นอีก

พระเจ้าที่ทรงรักยิ่ง พระองค์ทรงทราบถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหลังมือที่ไม่ได้ยกขึ้นมาที่นั่นของใจๆ นั้น ข้าพระองค์อธิษฐาน พระเจ้าที่ทรงรักยิ่ง.... มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ข้าพระองค์รับผิดชอบ นั่นคือการบอกความจริง และพระเจ้าที่ทรงรักยิ่ง พวกเขาอยากจะได้รับความรอด พวกเขาอยากจะ.... จริงๆ พวกเขาไม่ต้องการบางสิ่งบางอย่างที่เป็นเพียงแค่บางอารมณ์, บางการกระทำ, บางระบบนิกาย, บางคำสอน, บางหลักคำสอนซึ่งได้ถูกเพิ่มเติมมา พวกเขาเข้าใจ พระบิดา ว่ามันต้องใช้พระวจนะของพระเจ้าอันบริสุทธิ์ ไม่มีการล่วงประเวณี ทุกสิ่งทุกอย่างจะล่วงไป แม้แต่ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก แต่พระวจนะจะไม่ล่วงไป และถ้าหากข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นพระวจนะนั้น แผ่นดินโลกนี้จะล่วงไปจากใต้เท้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย แต่กระนั้นข้าพระองค์ทั้งหลายมิอาจจะล่วงไปได้ เพราะว่าข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นพระวจนะนั้น, เจ้าสาวของเจ้าบ่าว

ข้าพระองค์อธิษฐานเผื่อแต่ละคน ขอพระองค์โปรดประทานแก่พวกเขาเถิด พระบิดา เป็นการอธิษฐานด้วยใจจริงของข้าพระองค์.... และขอยกโทษให้อภัยข้าพระองค์เถิด พระบิดา สำหรับความรู้สึกกระวนกระวายอย่างมากในคืนนี้ กระโดดขึ้นมาที่นี่สาย และตัวสั่น และพูดถ้อยคำโพล่งขึ้นมาและตัดไป อย่างไรก็ตาม พระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงยิ่งใหญ่ขอทรงประคองพวกเขาเข้าด้วยกันในหนทางอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เอง และขอทรงส่งพวกมันไปในใจของคนทั้งหลายที่ออกมาจากใจของข้าพระองค์ในแรงจูงใจและวัตถุประสงค์ที่ในใจของข้าพระองค์ที่ข้าพระองค์มีแด่พระองค์ พระองค์จะมิทรงโปรดหรือ พระบิดา และขอประทานความรอดให้แก่ผู้อาจจะรอดได้ ขอทรงดึงเข้ามาหาพระองค์เถิด พระบิดา และขอให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเตรียมพร้อมสำหรับเวลาแห่งการรับขึ้นไปที่ใกล้แค่เอื้อม ข้าพระองค์ทูลขอในพระนามพระเยซู อาเมน

พระเจ้าอวยพรคุณ เวลานี้ขอเชิญประธานของการประชุมนี้ครับ