บทก่อนหน้า

หัวข้อเรื่องหลัก

พระเยซูคริสต์ยังทรงเหมือนเดิมวานนี้ และวันนี้ และสืบๆ ไปเป็นนิตย์

(ฮีบรู 13:8)

 

จดหมายเวียน ปลายปี 2018

 

หลายปีในการรับใช้พระเจ้าของผม

ในเมืองต่างๆ ที่ใกล้และประเทศต่างๆ ที่ห่างไกล

 

หัวข้อเรื่องหลัก: พระธรรมเทศนาสุดท้าย

ก่อนการเสด็จมาของพระคริสต์

 

ทักทายจากใจจริงถึงพวกคุณทั่วโลกในพระนามอันแสนล้ำค่าของพระเยซูคริสต์เจ้าของพวกเรากับข้อพระคัมภีร์จาก 1 เธสะโลนิกา 3:13:

ในบทต่อไปนี้ อัครสาวกได้อธิบายในข้อที่ 13-17 ถึงการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระองค์ว่าจะเกิดขึ้นอย่างไร: “... ในข้อนี้พวกเราขอบอกให้ท่านทราบตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า พวกเราผู้ยังเป็นอยู่และเหลืออยู่จนถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะล่วงหน้าไปก่อนคนเหล่านั้นที่ล่วงหลับไปแล้วก็หามิได้

“ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยเสียงกู่ก้อง ด้วยสำเนียงของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นพวกเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่และเหลืออยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น เพื่อจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละพวกเราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์” (1 เธสะโลนิกา 4:15-17) เสียงกู่ก้อง, สำเนียงของเทพบดี และเสียงแตรของพระเจ้า ณ เวลาของการฟื้นคืนพระชนม์, การเปลี่ยนแปลง และการรับขึ้นไป

ตอนนี้ที่ปลายสุดแห่งยุคพระคุณ  ครั้นเวลาเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องไห้ของผู้เชื่อทั้งหลายมาว่า: “ ดูเถิด เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกมารับท่านเถิด" (มัทธิว 25) พระธรรมเทศนาอันบริสุทธิ์ของพระวจนะที่มาก่อนการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์

พระธรรมเทศนาสุดท้ายได้ล่วงหน้าออกไปเป็นเวลาหลายปี แต่การเสด็จมาของพระองค์จะเป็นอย่างฉับพลัน; พระเจ้าพระองค์เองตรัสว่า “ด้วยว่าฟ้าแลบมาจากทิศตะวันออกส่องไปจนถึงทิศตะวันตกฉันใด การเสด็จมาของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นฉันนั้น” (มัทธิว 24:27) มันจะเกิดขึ้นในชั่วพริบตา: “ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีเสียงแตร และคนที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาปราศจากเปื่อยเน่า แล้วพวกเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่” (1 โครินธ์ 15:52)

อ. เปาโล ได้อธิบายในจดหมายต่างๆ อย่างชัดเจนว่า เหตุการณ์อันยิ่งใหญ่นี้จะเกิดขึ้นอย่างไรและอะไรจะเกิดขึ้นในเวลานั้น เหล่าอัครสาวกทุกท่านได้อ้างถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์ ในจดหมายทั้งหลายของพวกเขาก็เช่นกัน ใน 1 เธสะโลนิกา 5:23 อัครสาวกได้นำเรื่องนี้ไปยังข้อสรุปของมันและได้เน้นอีกครั้งหนึ่งว่า “และขอให้องค์พระเจ้าแห่งสันติสุขทรงตั้งท่านเป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระเจ้าให้ทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจ และร่างกายของท่านไว้ให้ปราศจากการติเตียน จนถึงวันที่พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเราเสด็จมา"

ในยุคของพวกเรา บุรุษของพระเจ้า วิลเลี่ยม บรานฮาม กล่าวถึงการเตรียมตัวของเจ้าสาวของพระคริสต์ 1,400 ครั้ง กับการกล่าวถึงการรับขึ้นไป ท่านได้ทำอย่างนั้นโดยการรับพระบัญชาโดยตรงจากพระเจ้า โดยผ่านพันธกิจพิเศษนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในคริสตจักรจะต้องได้รับการรื้อฟื้นและคืนสู่สภาพเดิมในสภาพเฉพาะของนางก่อน “พระองค์ตรัสตอบเขาว่า เอลียาห์ต้องมาก่อนจริง และทำให้สิ่งทั้งปวงคืนสู่สภาพเดิม ... (มัทธิว 17:11; มาระโก 9:12)     

เหตุการณ์สำคัญที่สุดที่ปลายสุดของยุคพระคุณได้เป็นส่วนหนึ่งของการประกาศของผมมาตลอดเวลาหลายปีของพันธกิจของผม เช่นเดียวกับการสอนตามพระคัมภีร์ไบเบิลทั้งหมด ผมยอมรับสิ่งที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้นในการอ้างถึงหัวข้อเรื่องนี้ ผมปฏิเสธทุกสิ่งและการตีความทั้งหมดโดยสิ้นเชิง เวลากำลังสั้นลงแล้ว; การเสด็จกลับมาที่ได้ทรงสัญญาไว้ (ยอห์น 14) ของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเรานั้นใกล้แค่เอื้อม ตอนนี้มันเป็นเกี่ยวกับการรื้อฟื้นกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างสมบูรณ์บนพื้นฐานตามพระคัมภีร์ไบเบิล รวมทั้งการจัดเตรียมในความเชื่อและการเชื่อฟังของวันแห่งพระสิริของพระคริสต์ (ฟิลิปปี 1: 6)

อ. เปาโล ผู้ประกาศพระวจนะโดยพระบัญชาของพระเจ้า ได้เรียกพวกผู้คนที่สัตย์ซื่อในเมืองฟีลิปปีให้ออกมาว่า: “โดยการป่าวประกาศยกพระวจนะอันมีชีวิตไว้อยู่เสมอ เพื่อข้าพเจ้าจะได้ชื่นชมยินดีในวันของพระคริสต์ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งเปล่าๆ และไม่ได้ทำงานโดยเปล่าประโยชน์” (ฟิลิปปี 2:16) ตอนนี้ผมกำลังเรียกสิ่งเดียวกันไปยังบรรดาผู้เชื่อพระคัมภีร์ไบเบิลทุกคนในทุกประเทศและทุกภาษาให้ออกมาโดยพระบัญชาของพระเจ้า

ในวิวรณ์ 19:7 ฝูงชนมากมายที่ถูกรับขึ้นไปจากแผ่นดินโลกร้องเพลง: “ขอให้เราทั้งหลายยินดีและเปรมปรีดิ์และถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะว่าการอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกมาถึงแล้ว และมเหสีของพระองค์ได้เตรียมตัวพร้อมแล้ว” ในมัทธิว 25:10 กล่าวว่า: “... ขณะที่พวกเธอกำลังไปซื้อนั้น เจ้าบ่าวก็มาถึง และคนเหล่านั้นที่พร้อมอยู่แล้วก็ได้เข้าไปกับท่านในพิธีสมรสนั้น แล้วประตูก็ปิด”

พวกเรากำลังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดก่อนการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์ ดังนั้นมันต้องถูกกล่าวถึงอีกครั้งหนึ่งและอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าบรรดาผู้เชื่อแท้ตามพระคัมภีร์ไบเบิลทุกคนจะได้ยินและเชื่อมัน: บางสิ่งบางอย่างที่พิเศษได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 1933: ในขณะที่นักเทศน์หนุ่ม วิลเลี่ยม บรานฮาม กำลังให้บัพติศมาผู้เชื่อทั้งหลายอยู่ในแม่น้ำโอไฮโอ วันนั้นมีเสียงฟ้าคำรามมาจากฟ้าสวรรค์และเมฆแห่งแสงสว่างที่เหนือธรรมชาติได้ลงมาปรากฏยังพวกคนเหล่านั้นทุกคนให้มองเห็นได้ จากนั้นเสียงอันทรงพลังกล่าวว่า: “ดั่งที่ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาได้ถูกใช้มาให้เป็นผู้นำหน้าการเสด็จมาครั้งแรกของพระคริสต์ ดังนั้นท่านจึงถูกใช้มากับพระธรรมเทศนาเพื่อจะนำหน้าการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์” บราเดอร์บรานฮามได้อ้างถึงเหตุการณ์เหนือธรรมชาติครั้งนี้ในพระธรรมเทศนาต่างๆ 18 ครั้ง และได้เน้นว่า “ไม่ใช่ว่าผมจะเป็นผู้นำหน้า แต่พระธรรมเทศนาจะเป็นผู้นำหน้า”

พระบัญชาและถ้อยคำแรกเริ่มนี้ต่อมาได้ถูกทำให้ผิดเพี้ยนไปโดยพวกผู้นมัสการบรานฮามในสหรัฐอเมริกา และถูกบันทึกไว้ดังต่อไปนี้: “ดั่งที่ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาได้ถูกใช้มาให้เป็นผู้นำหน้าการเสด็จมาครั้งแรกของพระคริสต์ ดังนั้นท่านจึงถูกใช้มาเพื่อจะนำหน้าการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์"

ชายคนนี้ได้ถูกส่งมาจากพระเจ้าได้ประกาศคำสอนตามพระคัมภีร์ไบเบิลทั้งหมด โดยแท้จริงแล้วท่านได้ประกาศคำตักเตือนทั้งหมดของพระเจ้า เพื่อทุกสิ่งทุกอย่างในคริสตจักรของพระเยซูคริสต์จะสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ไปยังสภาพตอนแรกเริ่ม ท่านได้เน้นถึงพระเจ้านิรันดร์พระองค์เดียวผู้ได้ทรงเปิดเผยพระองค์เองสำหรับความรอดของพวกเราในฐานะพระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ ในพระบุตรองค์เดียวของพระองค์บนแผ่นดินโลก และทรงผ่านมายังพระวิญญาณบริสุทธิ์ในคริสตจักรของพระองค์ พระเจ้าได้ทรงสถิตย์อยู่ในพระคริสต์และได้ทรงคืนดีกันโลกด้วยพระองค์เอง (2 โครินธ์ 5:19; 1 ทิโมธี 3:16)

บราเดอร์บรานฮามได้เทศนาพระกิตติคุณสมบูรณ์ ดั่งที่เปโตรและ อ. เปาโล ได้ทำในยุคสมัยของพวกเขา; ท่านได้ทำความเข้าใจพระมหาบัญชาในมัทธิว 28:19 ให้ถูกต้อง ซึ่งเกี่ยวกับการบัพติศมาในพระนามใด และข้อหนึ่งในมาระโก 16:16 ซึ่งเกี่ยวกับความเชื่อ รวมทั้งข้อหนึ่งในลูกา 24:47 ซึ่งเกี่ยวกับการยกโทษให้อภัยบาปทั้งสิ้น ท่านได้เทศนาการยกโทษให้อภัยบาปทั้งสิ้นโดยพระโลหิตเครื่องสังเวยบูชาของพระคริสต์ และได้ให้บัพติศมาแก่ผู้เชื่อทั้งหลาย ดั่งที่เปโตรได้สั่งไว้เป็นครั้งแรกในการเทศนาวันเพ็นเทคอสต์ ภายใต้การทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์: “จงกลับใจใหม่และทุกๆ คนของพวกท่านรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ เพื่อการยกโทษให้อภัยบาปทั้งสิ้น ...”

ผู้เข้าร่วมประชุมสามพันคนได้เชื่อพระธรรมเทศนาครั้งแรกหลังจากการเทลงมาของพระวิญญาณ กลับไปจากนั้นและได้รับบัพติศมา (กิจการ 2:14-41)

ผู้เชื่อทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นพวกคนยิว, พวกคนสะมาเรีย, หรือพวกคนต่างชาติ ต่างก็ได้รับบัพติศมาในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้าในคริสตจักรดั้งเดิมในยุคแรก (กิจการ 8:16; กิจการ 10:48) เหล่าสาวกของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาได้รับบัพติศมาในลักษณะนั้นด้วย: “เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น เขาจึงรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูเจ้า” (กิจการ 19:5) หลักเกณฑ์ตรีเอกานุภาพหรือพิธีการบัพติศมาที่แปลกไปจากพระคัมภีร์ไบเบิลอย่างสิ้นเชิง; มันเป็นกลับไปยังศตวรรษที่ 4 เมื่อมันได้รับการแนะนำโดยอาธานาเซียส

 

บทถัดไป